เวลาที่เราอยากขายสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์ หลายคนอาจจะคิดว่าสร้างแค่เว็บไซต์ก็เป็นอันเสร็จ แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย ปลาเคยทำเว็บไซต์เอาไว้เฉยๆ ไม่ได้เน้นเรื่องของบทความเท่าไหร่ เวลาผ่านไปหลายเดือนก็ไม่เห็นว่าจะมีใครแวะผ่านมาที่เว็บเราบ้างเลย ลูกค้าเงียบกริ๊บ แต่พอได้มาวางแผนใหม่ปรับรูปแบบเว็บไซต์
แล้วก็เน้นเรื่องของคอนเท้นท์หรือบทความเป็นอันดับแรก จดหัวข้อบทความที่เกี่ยวข้องกับตัวสินค้าและบริการของเรา พร้อมๆกับการวิเคราะห์หาคีย์เวิร์ดมาสอดแทรกให้อยู่ในบทความ จากนั้นก็ลงมือปั้นตัวบทความเต็มที่เลยค่ะ ทำไปด้วยศึกษาเรื่อง วิธีทำ SEO อย่างง่าย ไปด้วย
ทำ SEO กำหนดคีย์เวิร์ด ใส่ alt text ที่รูป ใส่คำลงไปในบทความ เน้นที่คำคีย์เวิร์ด ทำแบบนี้กับทุกบทความที่ลง ช่วงแรกๆเงียบมาก มีคนเข้าจากที่แชร์คอนเท้นท์ไปบนเฟซบุ๊คประปราย 10-20 วิว นอกนั้นก็ไม่มีอะไร แต่พอเวลาผ่านไปได้ 6 เดือนก็มียอดคนเข้ามาอ่านบทความในเว็บ 3,000 กว่าคน ยอดวิว 5,000 กว่า วิวต่อเดือน โดยที่ไม่ได้จ่ายเงินซักบาทเลย อะเมซิ่งมากๆ
เลยทำให้เห็นว่าเรื่องคอนเท้นท์ SEO เป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้เลยจริงๆ ปลาก็เลยจะมาแนะนำ วิธีสร้างบทความ SEO สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้น ให้มีทราฟฟิคคนเข้ามาที่เว็บไซต์ของเรามากขึ้นโดยเสียเวลาเรียนรู้ไม่นานค่ะ อาจจะมีข้อกำหนดเยอะแยะไปหน่อย แต่อย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ ค่อยๆทำตามไปทีละขั้นรับรองว่าไม่ได้ยากเลยและได้ผลจริง (ขึ้นอยู่กับปริมาณการแข่งขันของคำคำนั้นด้วย) บทความที่เราพยายามปั้นสามารถติดอันดับหน้าแรกบนกูเกิลได้จริง เชื่อว่าเพื่อนๆทำกันได้แน่นอน
วิธีทำ SEO อย่างง่าย
จุดประสงค์ที่เราเขียนคอนเท้นท์ SEO ส่วนหนึ่งก็เพื่อการทำการตลาดผ่านทางบทความที่มีประโยชน์ต่อผู้อ่านของเรานั่นเอง และอีกส่วนหนึ่งของการเขียนคอนเท้นท์เหล่านี้ก็เพื่อให้คนอื่น Refer หรือทำลิ้งค์มาหาที่เว็บของเรานั่นเอง ถึงจะบอกได้อย่างเต็มภาคภูมิว่าเว็บของเรานั้นมีประโยชน์จริง เจ๋งจริง แล้วจะยิ่งช่วยให้อันดับเว็บเราดีขึ้น สร้างยอดขายได้มากขึ้นด้วยนะคะ
เล่ามาซะยาว อันที่จริงแล้ว ขั้นตอนการทำ SEO ก็ไม่ยากเท่าไหร่ ถ้าใจถึงนะคะ มาค่ะ เริ่มกันเลยดีกว่า
วิธีการที่กล่าวมานี้จะใช้ได้ดีกับเว็บไซต์ที่ทำบน WordPress เราสามารถโหลดปลั๊กอินตัวช่วยฟรี ที่ทำให้คนที่ไม่ได้รู้เรื่องไอทีอะไรเยอะแยะ สามารถสร้างคอนเท้นท์ SEO ได้ดีติดอันดับกูเกิลได้ค่ะ
1. ติดตั้งปลั๊กอิน Yoast SEO
เข้ามาที่หน้า Dashboard ของเว็บไซต์เรา จากนั้นก็เลือกคำว่า Plugins และ Add new หาปลั๊กอินนี้แล้วก็ทำการ install ซะ แล้วชีวิตในการทำบทความ SEO จะง่ายขึ้นเยอะ เจ้าปลั๊กอินตัวนี้จะมีให้ใช้ฟรีอยู่บน WordPress ไม่ต้องเสียเงินค่ะ
จากภาพด้านล่างจะเห็นว่า Yoast SEO เค้ามีเกณฑ์เป็นข้อๆบอกไว้เลยให้เราสามารถทำตามได้ง่ายๆ ถ้าเราเขียนคอนเท้นท์ได้ตรงตามเกณฑ์ก็จะขึ้นไฟเขียวทีละอัน ยิ่งเราทำไฟเขียวได้มาก ก็ยิ่งช่วยให้คอนเท้นท์เรามีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะติดอันดับบนกูเกิลค่ะ
2.กำหนดคีย์เวิร์ด
เราควรกำหนดคีย์เวิร์ดที่เราอยากจะให้ติดอันดับกูเกิล เช่น คำว่า อาชีพออนไลน์ และถ้าจะให้ดีต้องลองเอาคำนี้ไปเช็คเรตติ้งดูก่อน ว่ามีการค้นหาเยอะมั้ย แล้วบทความของคนอื่นเป็นอย่างไรบ้างเหมือนหรือต่างจากสิ่งที่เรากำลังจะเขียนอย่างไร เราทำให้ดีกว่าเค้าได้หรือไม่ เช่น บทความเค้าอาจจะมีแค่ 200 คำ งั้นเราก็ต้องเขียน 300 คำ ของเค้ามีรูปเดียว ของเราก็ต้องมี 5 รูปเลย ใส่คลิปวิดีโอแถมด้วย ใส่ข้อมูลให้เต็มที่เลยค่ะ คนจะได้ชอบข้อมูลและเชื่อว่าเราคือตัวจริง รู้ละเอียด ถ้าเราทำให้เค้าชอบได้ แล้วสามารถวนกลับมาอ่านบทความเราอีกได้ก็ถือว่าสำเร็จแล้วค่ะ
3.ตั้งชื่อบทความโดยใส่คีย์เวิร์ดของเราลงไปด้วย
เมื่อเราได้คำที่คิดว่าใช่แล้ว ก็จัดการนำคำนั้น มาแต่งเป็นชื่อบทความด้วยนะคะ และที่สำคัญคือต้องเขียนโปรยข้อความให้ดูน่ากดเข้ามาอ่านด้วย เช่น อาชีพออนไลน์ ทำเงิน 2018 ไม่ต้องลงทุนเยอะ ประมาณนี้ค่ะ ใส่ไว้ที่ SEO Title ได้เลย ดูความยาวให้เหมาะสมด้วยนะคะ เขียนให้ขึ้นแถบเขียวปริ่มๆเกือบเต็ม จะดีมาก
4.จำนวนคำในบทความต้องมีความยาว 300 คำขึ้นไป
ถ้ามีเว็บไซต์อยู่แล้วเราสามารถเช็คได้จากในหน้า Blog Post ด้านล่างได้เลย หรือจะดูจาก Yoast SEO ก็ได้ เค้าจะนับคำด้วยวิธีของเค้าให้เรา แต่ถ้าเราอยู่ในขั้นเตรียมข้อมูลก็สามารถนำเอาบทความมานับคำได้ที่เว็บ th.wordcounter360.com ได้เลย ใช้นับคำได้ใกล้เคียงกัน
5.ตั้งชื่อ slug ของบทความเป็นภาษาอังกฤษ
ตามหลักเค้าจะบังคับให้เราใส่คีย์เวิร์ดลงไปด้วยในส่วนของ Slug หรือที่อยู่ลิ้งค์ที่เรียกว่า Url ส่วนใหญ่แล้วคีย์เวิร์ดหรือคำที่เราใช้กันจะเป็นภาษาไทย ซึ่งมันจะมีปัญหาตอนที่เราก็อปปี้ลิ้งค์ไปแชร์ตามที่ต่างๆ ลิ้งค์มันจะกลายเป็นภาษาต่างดาวแล้วก็ยาวมากๆ ทำให้ไม่สวยนะคะ เพราะฉะนั้นข้อนี้ยกเว้นได้ค่ะ ตั้งชื่อลิ้งค์เป็นภาษาอังกฤษดีกว่า
6.ใส่คีย์เวิร์ดลงใน Meta description
เป็นการอธิบายบทความแบบกระชับ เอาส่วนของย่อหน้าแรกในบทความมาซัก 2 บรรทัด โดยที่ในย่อหน้านี้ต้องมีคีย์เวิร์ดอยู่ด้วยนะ เช่น …. อาชีพออนไลน์ …. และที่จะแนะอีกนิดคือ กูเกิลเค้าไม่ค่อยถนัดภาษาไทยเท่าไหร่ เวลาใส่คีย์เวิร์ดแล้วเขียนติดกันเป็นพรืด เค้าจะหาไม่เจอ เพราะฉะนั้นเลยต้องมีการเว้นวรรคให้คำนั้นๆด้วย เค้าจะได้หาคำสำคัญให้เราได้ง่ายๆ
ยังค่ะ ยังไม่หมด ตอนที่เราใส่ข้อความลงไป ให้ดูแถบสีเขียวด้วยนะ ต้องพยายามใส่เนื้อหาลงไปให้แถบสีเขียวอยู่ปริ่มๆ และต้องไม่ยาวจนเกินไปด้วย
7. ต้องมีคีย์เวิร์ดในย่อหน้าแรกของบทความ
เราก็ต้องมีคีย์เวิร์ดอยู่ในนั้นด้วย ทำตัวหนาและเว้นวรรคหน้าหลังไว้ ก็จะช่วยให้กูเกิลตรวจเจอคำได้
8. เอาคีย์เวิร์ดมาตั้งเป็นหัวข้อ Subheading เช่น H1, H2, H3
ขั้นตอนนี้เหมือนเป็นการเน้นคำคีย์เวิร์ดให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เค้าจะได้จับคำได้ง่ายขึ้น ว่าเราอยากให้คำนี้ติดอันดับ
9.ในบทความต้องมีการทำ บูลเล็ท หรือ การทำคอนเท้นท์ให้เป็นข้อๆ
เพื่อความสะดวกในการอ่านและทำให้คนอ่านเข้าใจเนื้อหาของบทความได้ง่ายขึ้น
10.ต้องมีรูปภาพที่มี alt text เดียวกันกับคีย์เวิร์ด อย่างน้อยหนึ่งรูป
การมีภาพประกอบจะช่วยให้บทความของเราน่าอ่านมากขึ้น และจะดีขึ้นไปอีกถ้าเราใส่คีย์เวิร์ดที่เรากำหนด ลงไปที่ alt ของภาพด้วย เพราะกูเกิลเค้าจะมองไม่เห็นภาพของเรา เค้าอ่านโค้ดได้อย่างเดียว หน้าที่ของเราคือทำในสิ่งที่กูเกิลอ่านออก
11.คีย์เวิร์ดต้องไม่ซ้ำกับที่เคยมีในเว็บไซต์
เข้าใจว่าบางทีเราก็อยากจะให้มีคำคีย์เวิร์ดที่เป็นประเด็นหลักของเว็บไซต์เราอยู่ในหลายๆบทความ เมื่อเราไม่สามารถใช้คำซ้ำได้ เราก็สามารถเลี่ยงคำได้ค่ะ เช่น มีคำคีย์เวิร์ด บวกกับ คำขยาย เช่น อาชีพออนไลน์ ทำเงิน เท่านี้ก็ไม่ซ้ำแล้ว
12.คีย์เวิร์ดต้องมีจำนวนกำลังดี
ไม่มากเกินไป จนกลายเป็นบทความ Spam ซึ่งเค้าจะเหมาว่าบทความของเรานั้นไม่ได้คุณภาพ
13.เขียนสรุปคอนเท้นท์
ตอนท้ายต้องเขียนสรุปคอนเท้นท์ด้วยว่า ทั้งหมดที่เล่ามานั้น สรุปแล้วมันคืออะไร เพื่อให้คนเข้าใจประเด็นที่เราต้องการสื่อได้ง่ายขึ้น และไม่สับสน
14.ต้องมี internal link
คือการทำลิ้งจากคอนเท้นอื่นที่เกี่ยวข้องจากบทความ หรือจากหน้าเพจก็ได้ ซึ่งเราควรทำเป็นประโยคแล้วใส่ลิ้งค์เข้าไปในประโยคเหล่านั้น
15.ต้องมี Outbound Link
วิธีเดียวกับ internal link แต่คราวนี้เป็นการทำลิ้งค์ที่เกี่ยวข้องกับบทความนี้จากภายนอก เช่น การอ้างอิงข้อมูล ตัวอย่างผลงาน ที่จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้บทความของเรามากขึ้น
คำแนะนำเพิ่มเติม
1.หาทราฟฟิคด้วยตัวเองก่อน
เมื่อทำบทความ SEO ที่ฟูลออปชั่น พร้อมสู้ศึกบนสนามแข่งแล้ว ที่จะขาดไม่ได้เลยคือการเพิ่มความสตรองให้กับบทความนั้นด้วยการแชร์มันออกไปให้มากที่สุด แชร์ไปตามกรุ๊ปเฟซบุ๊คที่เกี่ยวข้อง กลุ่มเพื่อนๆที่มีความสนใจในเรื่องที่เราทำ เพื่อหาทราฟฟิคกลับมาที่เว็บไซต์ ซึ่งมันช่วยให้บทความนั้นเสิร์ชเจอบนกูเกิลได้มากขึ้น แล้วก็เพิ่มยอดวิวได้มากขึ้น อันจะนำไปสู่ยอดขายที่เพิ่มขึ้นด้วยนะ
2.จำนวนของคอนเท้นท์ก็สำคัญ
ต้องมีอย่างน้อยๆก็ 30 อัพ ยิ่งมีจำนวนบทความเยอะ เปอร์เซ็นต์ที่บทความเหล่านั้นจะติดเสิร์ช Google ก็มีมากขึ้นด้วย ซึ่งเจ้าบทความเหล่านี้ที่ทำถูกหลัก SEO มันก็จะค่อยๆทำงานของมันดึงคนเข้าเว็บไปเรื่อยๆ ที่สำคัญคือเมื่อคนเข้ามาที่เว็บแล้ว และเห็นว่าในเว็บของเรานั้น มีบทความแน่นๆให้อ่านก็จะเกิดความเชื่อใจมากกว่าเว็บที่มีแค่ 5 บทความนะคะ
3.ความต่อเนื่อง
ถ้าอัพทุกวันได้ก็เก๋เลย เว็บโตเร็วแน่นอน แต่ถ้าไม่ไหว อาทิตย์ละบทความก็ยังดีค่ะ ต่อเนื่องกันอย่างน้อย 6 เดือน ให้เว็บไซต์มีความเคลื่อนไหวและมีการอัพเดทด้วย ซึ่งก็จะช่วยให้อันดับเว็บเราดีขึ้นด้วยนะ
4.ทำลิสต์หัวข้อคอนเท้นท์
ซึ่งตรงนี้แนะนำว่าให้คิดหมวดหมู่หลักไว้ แล้วก็ลิสต์เป็นหัวข้อที่เราอยากจะแชร์ความรู้และประสบการณ์ให้คนอ่านออกมาเยอะๆ เพียงเท่านี้ก็ทำให้ไอเดียเราไม่ตัน และสามารถมีทิศทางที่ชัดเจนได้ค่ะ ทำให้มีอารมณ์เขียนออกมาได้เรื่อยๆเลย
5.ทำ Backlink
เราต้องหาเพื่อนหรือคนรู้จักที่เค้ามีเว็บไซต์ที่ใช้งานเองมาทำ Backlink ให้เรา ทำได้โดยการเขียนบทความที่เกี่ยวข้องแล้วใส่ลิ้งค์กลับมาที่เว็บไซต์ของเรา หรือทำภาพแบนเนอร์ต่างๆแล้วใส่ลิ้งค์ก็ได้เช่นกัน เมื่อเค้าช่วยเรา เราก็ตอบแทนด้วยการทำวิธีเดียวกัน เชื่อมโยงไปที่เว็บของเค้าด้วยก็ได้นะคะ เป็นวิธีหาพันธมิตรช่วยกันทำมาหากินอีกทางที่ดีมากเลย เติบโตไปด้วยกัน
6.นำบทความเดิมที่เคยทำ มาปรับแต่ง SEO
วิธีนี้ก็ช่วยประหยัดเวลาได้เยอะค่ะ ถ้าเราเป็นสายเขียนบทความอยู่แล้ว มีสต๊อคงานอยู่เพียบเลย สิ่งที่ต้องทำก็คือการเลือกบทความเหล่านั้นที่เกี่ยวข้องกับจุดประสงค์ในเว็บของเรา เอามาทำตามขั้นตอนทั้งหมดเหล่านี้ที่บอก เพิ่มนั่นนิด นี่หน่อย กำหนดคีย์เวิร์ด ใส่ลิ้งค์ ใส่ภาพ รับรองว่าช่วยเรื่องการทำอันดับบนเสิร์ชกูเกิลได้เยอะเลย
7.ไม่ยุ่งกับ Url ที่ทำไปแล้ว
ที่อยู่ลิ้งค์เป็นอะไรที่ Sensitive มาก สำหรับมือใหม่แล้วจะค่อนข้างวุ่นวายถ้าเราไปแก้ไข แล้วกูเกิลเค้าดันมาเก็บ index ไปแล้วมันจะทำให้การส่งต่อข้อมูลมีปัญหา ถ้าเราอยากเปลี่ยนชื่อลิงค์จริงๆ เราก็ต้องทำการ Redirect ด้วย เพื่อให้เค้าหาที่อยู่เดิมเจอ ซึ่งมันก็จะยาวอีก เพราะงั้นถ้าเรามีลิ้งค์เดิมอยู่แล้วก็ไม่ต้องไปปรับมัน แต่เราสามารถแก้ไขเนื้อความด้านในได้
8.ใส่ Call to action
คือการขอร้องให้ท่านผู้ชมทั้งหลายทำอะไรสักอย่างกับบทความนี้ เช่น แชร์ด้วยนะคะถ้าชอบ กดไลค์เฟซบุ๊คด้วยนะคะ สั่งซื้อของได้ที่นี่ เป็นต้น ใส่เอาไว้ที่ท้ายบทความเพื่อเป็นการย้ำเตือนกันอีกที และช่วยเรียกยอดขายได้
9.ใส่คลิปวิดีโอ
อาจจะเป็นการทำคลิปวิดีโอบน Youtube สอนวิธีใช้งาน หรือจะเป็นคลิปวิดีโอสรุปงานทั้งหมดแบบกระชับได้ใจความก็ได้ เอาคลิปมาใส่ในเว็บบล็อกเลยค่ะ จากนั้นก็เพิ่มเติมคำอธิบายของคลิปลงไป การมีคลิปวิดีโอก็จะช่วยให้บทความนั้นๆของเราเด่นขึ้นได้ และช่วยดันอันดับให้มันอยู่ตำแหน่งแรกๆได้อีก เพราะ Youtube ก็เป็นส่วนหนึ่งของ Google มันก็จะช่วยกันทำงานได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ
สรุป
จริงๆแล้วปัจจัยในการทำ SEO ยังมีอยู่อีกเยอะมากๆ แต่เราคัดมาให้เฉพาะข้อควรรู้สำหรับมือใหม่ จะได้ไม่ตกใจไปก่อน คงจะเห็นแล้วว่าการเริ่มต้นทำคอนเท้น SEO ค่อนข้างยุ่งยากและมีหลายขั้นตอนที่ต้องดูแล แต่เราใช้เวลากับมันเพียงแค่ครั้งเดียว เมื่อเวลาผ่านไป บทความที่ถูกหลักก็จะทำหน้าที่ของมันคือการดึงทราฟฟิคเข้ามาในเว็บไซต์ เพราะฉะนั้น ขยันและอดทนหน่อยนะคะ เดี๋ยวมันจะดีเอง
Add a Comment