วิธีฟาร์มบัญชีเฟสบุ๊ค สำหรับสายเทา มีบัญชีใช้เรื่อยๆ ไม่มีหมด

สำหรับสายเทานั้น การมีบัญชีเฟสบุ๊คหลายๆบัญชีเป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะสายเทาเป็นสายที่จะโดนแบนหรือจำกัดการใช้งานบัญชีเฟสบุ๊คบ่อยๆ เนื่องจากคอนเท้นท์หรือแคปชั่นที่ผิดกฎ เพราะฉะนั้นการฟาร์มบัญชีเฟสบุ๊คจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากสำหรับสายเทา

วิธีฟาร์มบัญชีเฟสบุ๊ค สำหรับสายเทา มีบัญชีใช้เรื่อยๆ ไม่มีหมด (กดเลือกอ่านตามหัวข้อได้)

ฟาร์มบัญชี Facebook คืออะไร

การฟาร์มบัญชี Facebook คือการสมัครและวอร์มเฟสบุ๊คไว้ เตรียมพร้อมสำหรับการยิงแอด โดยการฟาร์มบัญชีนั้นมีหลายรูปแบบแล้วแต่เทคนิคของแต่ละคน เช่น เอาบัญชีของ พ่อแม่พี่น้องมาใช้ ซื้อบัญชีมาใช้ หรือ สมัครใหม่เองด้วยเทคนิคต่างๆ ซึ่งต้องมีขั้นตอนมากกว่าการสมัครแบบทั่วไป

เนื่องจากในปัจจุบัน การสมัครเฟสบุ๊คหลายๆตัวในเครื่องเดียวและไม่โดนยืนยันตัวตน นั้นทำได้ยากกว่าเมื่อก่อนมาก เพราะเฟสบุ๊คมีการรักษาความปลอดภัย โดยอยากให้ 1 คน มีเฟสใช้งานเพียงแค่ 1 เฟสเท่านั้น

แต่จุดประสงค์ของการฟาร์มคือ ทำให้ได้เฟสบุ๊คมาเพื่อการยิงแอดอย่างเดียวเช่นกัน วันนี้แอดมินจึงมีวิธีการฟาร์มเฟสบุ๊คฉบับเบสิคของสายเทามาฝากกันครับ

สิ่งที่ต้องเตรียมเมื่อฟาร์มบัญชี Facebook

ก่อนที่เราจะฟาร์มบัญชี Facebook ก็จำเป็นต้องเตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์อื่นๆ ไว้ก่อน มาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

สิ่งที่ต้องเตรียม

  • ซิมการ์ด
  • โทรศัพท์ไว้ใส่ซิม
  • อีเมลล์

วิธีการฟาร์มบัญชี Facebook

1. หาซื้อซิมการ์ด มาเพื่อไว้ใช้สมัครเฟสบุ๊ค แนะนำให้ใช้ 1 ซิม ต่อ 1 เฟสเท่านั้น อาจจะไปซื้อจากเซเว่น Shoppee หรือ Lazada ก็ได้

2. สมัครอีเมลล์ใหม่ด้วยcom หรือใช้อีเมลล์ ที่สร้างใหม่หรือยังไม่เคยผูกกับเฟสบุ๊คใดๆมาก่อนเลยและผูกเบอร์ที่เตรียมไว้เข้าไป

3. จากนั้นมาเข้า facebook.com แล้วสมัครใช้งานเฟสบุ๊ค ด้วยอีเมลล์หรือเบอร์มือถือที่เตรียมไว้ สิ่งสำคัญก็คือ ห้ามใช้ Browser ตัวเดิมในการทำงาน เพราะว่าเฟสบุ๊คมีการจดจำค่าการใช้งานลายนิ้วมือดิจิตอลของ

4. เฟสบุ๊ค ในเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นๆ หรือที่เรียกกันว่า Fingerprint Browser และเราสามารถที่จะเช็คลายนิ้วมือดิจิตอลของเราได้จาก https://f.vision ได้เลย

5. หลังจากสมัครใช้งานเสร็จเรียบร้อยแล้วให้เราตั้งค่าต่างๆให้เรียบร้อย เพื่อความแข็งแรงของเฟสบุ๊ค เช่น 2FA การยืนยันตัวตนสองชั้น,ใส่ชื่อ นามสกุล,รูปโปรไฟล์,วันเกิดต่างๆให้เรียบร้อย

6. ทำการวอร์มเฟสบุ๊ค ขั้นพื้นฐาน โดยการเล่นเฟสบุ๊คไปเรื่อยๆ 7-14 วัน

7. หลังจาก 7 วัน ค่อยเริ่มสร้างเพจตามปกติ อัพบทความและใส่ข้อมูลของเพจให้เรียบร้อย

8. หลังจากนั้น 14 วัน ค่อยเริ่มทำการ Active บัญชีโฆษณา เพื่อเตรียมไว้สำหรับการยิงแอด

9. ให้จำไว้เสมอว่า การกระทำทุกอย่างควรเป็นเหมือนคนเล่นจริงๆ ถ้าทำแบบนี้ได้โอกาสที่จะโดนแบนนั้นน้อยมากๆ หรือถ้าโดนแบน คุณก็ยังมีวิธียื่นแก้ติดแดงเพื่อได้บัญชีคืนมาเช่นกัน

สรุป

การฟาร์มบัญชีเฟสบุ๊คนั้นเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนที่ทำการตลาดสายเทาเป็นอย่างมาก เพราะการมีบัญชีเฟสบุ๊คสำรองไว้ใช้ยิงโฆษณาเป็นเหมือนอาวุธสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจของคุณดำเนินต่อไปได้อย่างไม่สะดุด และวิธีการฟาร์มเฟสบุ๊คที่ถูกต้องและไม่โดนแบน นั้นมีหลากหลายเทคนิคด้วยกัน ถ้าหากอยากรู้รายละเอียดของการฟาร์มเฟสบุ๊คขั้น Advance สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากคอร์สฟาร์มบัญชีเฟสบุ๊คได้เลยครับ

Report-Problem

วิธีแก้เมื่อยิงแอดเฟสบุ๊คแล้วบัญชีติดแดง พร้อมวิธีติดต่อเจ้าหน้าที่ Facebook

เวลาที่ยิงแอดเฟสบุ๊คแล้วเจอปัญหาในเรื่องของบัญชีติดเหลือง ติดแดง ติดปัญหาต่างๆ มากมาย ซึ่งบางปัญหาก็ไม่มาสามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเองได้ ดังนั้นต้องให้เจ้าหน้าที่ Facebook ช่วยเหลือ ซึ่งก็มีหลากหลายวิธีการแจ้งเช่นกัน

วิธีแก้เมื่อยิงแอดเฟสบุ๊คแล้วบัญชีติดแดง พร้อมวิธีติดต่อเจ้าหน้าที่ Facebook

เพจหรือบัญชีติดเหลือง ติดแดง คืออะไร?

เพจ Facebook จะมีสถานะบ่งบอกว่าว่าคุณภาพของเพจเราเป็นอย่างไร พูดกันง่ายๆ หากเปรียบเทียบก็คือเป็นคะแนนความประพฤตินั่นเอง สำหรับคุณภาพของเพจจะถูกแบ่งด้วยสี 3 สีคือ

1. สีเขียว คือ คุณภาพเพจดี ไม่ละเมิดกฎของชุมชน Facebook แต่อย่างใด

2. สีเหลือง คือ คุณภาพเพจละเมิดกฎของชุมชน Facebook ซึ่งจะตักเตือนก่อนและเนื้อหาที่ละเมิดจะถูกลบออก หากตรงนี้ไม่ได้ละเมิด ก็สามารถส่งเรื่องไปหาเจ้าหน้าที่ Facebook เพื่อให้พิจารณาใหม่ได้

3. สีแดง คือ เมื่อเราละเมิดกฎ Facebook หลายๆ ครั้งเข้า ก็มีความเสี่ยงที่จะถูกแบนเพจอย่างถาวร ซึ่งการที่จะกลับมาได้นั้นก็มีวิธีทำด้วยเช่นกันไม่ใช่ว่าแก้ไม่ได้เลย

วิธีแก้เมื่อเพจหรือบัญชีติดเหลือง ติดแดง

ยื่นเรื่องอุทธรณ์กับปัญหาที่เกิดขึ้น

เมื่อเพจเรามีปัญหาเกี่ยวกับการผิดกฎของ Facebook เราสามารถยื่นเรื่องอุทธรณ์ได้ทันที ส่วนใหญ่จะเจอปัญหาในเรื่องของการติดแดงมากกว่า แต่ในที่นี้จะมีปัญหาในด้านของบัญชีโฆษณาเสียส่วนใหญ่ก็สามารถยื่นเรื่องให้กับ Facebook ได้เหมือนกัน

สร้างบัญชีใหม่ไปเลย (สำหรับสายเทา)

แน่นอนว่าสายเทาย่อมมีการโดนแบนบัญชีอยู่บ่อยครั้ง ครั้นจะไล่ยื่นแจ้งเรื่องอุทธรณ์ก็คงเสียเวลาไม่น้อย ง่ายสุดคือการสร้างบัญชีใหม่ไปเลย สำหรับการฟาร์มบัญชีมันก็มีเทคนิคการทำอยู่และช่วยลดอัตราการโดนแบนได้พอสมควร

วิธีติดต่อเจ้าหน้าที่ Facebook

วิธีในการติดต่อเจ้าหน้าที่ Facebook ก็มีด้วยกันหลากหลายวิธี แต่เดียวจะแนะนำให้หลายๆ วิธีเผื่อใครสะดวกแบบไหนก็สามารถใช้แบบนั้นได้เลย

วิธีติดต่อแบบรายงานปัญหาเกี่ยวกับบัญชีโฆษณา

วิธีนี้จะเป็นการรายงานเกี่ยวกับโฆษณาให้กับฝั่ง Facebook หรือปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับเรา โดยสามารถรายงานเกี่ยวกับปัญหาได้ทุกเรื่อง ก็ให้เราเลือกหัวข้อที่เราต้องการรายงานได้เลย

ขั้นแรกให้ไปที่สามเหลี่ยมด้านมุมขวาสุดของหน้าจอ

เลือกที่ความช่วยเหลือและการสนับสนุน

จากนั้นกด “รายงานปัญหา”

Report-Problem

จากนั้นกดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแจ้งข้อผิดพลาดของ Facebook

Opinion

กดเข้าไปแล้วให้เราเลือกปัญหาที่พบ ส่วนใหญ่จะเจอเรื่องบัญชีโฆษณาติดแดง ให้เลือกหมวดโฆษณา พร้อมกับอธิบายเหตุผล โดยเราสามารถอธิบายเป็นภาษาไทยได้ทั้งหมด และอย่าลืมแนบรูปบัญชีโฆษณาของเราเข้าไปด้วย จากนั้นก็กดส่ง เท่านี้ก็เรียบร้อย

Red-Account

วิธีการติดต่อเจ้าหน้าที่ Facebook

ให้เราเข้าไปที่ลิงค์ตรงด้านล่างได้เลย

https://www.facebook.com/help/?ref=ipl_comet

เมื่อกดเข้ามาเราก็จะเจอที่หน้านี้

Popular-Topic

หากใครที่เจอปัญหาเกี่ยวกับบัญชีโฆษณาให้เลื่อนลงมาด้านล่างนิดนึง ก็จะเจอกับศูนย์ช่วยเหลือธุรกิจ

Business-Help

กดเข้ามาแล้วก็จะเจอกับหน้านี้

Start-Chat-with-facebook

ให้กดเริ่มต้นเลย

เมื่อเรากดเริ่มต้นแล้วให้เราเลือก Account บัญชีโฆษณาที่มีปัญหาได้เลย

Choose-Account-Facebook

เมื่อเราเลือกบัญชีโฆษณาของเราที่มีปัญหาแล้ว ก็ให้เลือกต่อว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้น

Choose-Topic-Help

ถ้าใครต้องการให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ ก็สามารถกรอกรายละเอียดในช่องต่างๆ ให้ครบ แล้วเดียวจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไป แต่ถ้าเกิดต้องการแก้ไขปัญหาด่วน ก็ให้กดปุ่มแชทตามกรอบสีแดงด้านล่างได้เลย แต่เราต้องรอตามเวลาที่ Facebook ระบุไว้ ซึ่งตามรูปคือรอ 2 นาทีแล้วปุ่มแชทถึงจะสามารถกดได้

Chat-with-Operator

สำหรับที่ไม่ขึ้นปุ่มติดต่อเจ้าหน้าที่มีสาเหตุดังนี้

1. อยู่นอกเวลาทำการ โดยเวลาทำการของเจ้าหน้าที่ 08.15 – 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย

2. บาง ACCOUNT ก็จะไม่สามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่ได้ อาจจะต้องใช้วิธีอื่นในการติดต่อ

เข้าไปที่เพจ Facebook Business Support โดยตรง

Facebook-Business-Support

ตรงนี้แนะนำ ถ้าติดต่อเจ้าหน้าที่ให้พิมพ์ภาษาไทยคุยได้เลย เพราะ FACEBOOK เค้ามีเจ้าหน้าที่คนไทยคอยให้บริการกับเราอยู่แล้ว หากเราแชทเป็นอังกฤษก็จะโต้ตอบกันเป็นภาษาอังกฤษแทน

สรุปทั้งหมด

การแก้ไขบัญชีติดแดง บัญชีโฆษณามีปัญหา ไม่ได้ยากอย่างที่ทุกคนคิดหากไม่ได้ลงโฆษณาแปลกๆ หรือผิดกฎของ Facebook อย่างร้ายแรงเกินไป ยิ่งสายขาวจะแก้บัญชีได้ไม่ยากเท่าไหร่หากไม่ผิดกฎบ่อยจริงๆ ส่วนสายเทาอาจจะต้องใช้วิธีพิเศษในการแก้ไขบ้าง เพราะแน่นอนอยู่แล้วขึ้นชื่อว่าสายเทา Facebook ไม่สนับสนุนการทำโฆษณา ทำให้โดนแบนบ่อย และอาจจะกู้คืนได้ยากสักนิด แต่ให้ลองกู้ผ่านวิธีเหล่านี้ดูก็ได้ผลเหมือนกัน

มาทำความรู้จัก SEM หรือ Search Engine Marketing

ทุกวันนี้โลกออนไลน์เติบโตขึ้นมาก สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยคือการทำการตลาดออนไลน์ SEM หรือ Search Engine Marketing หมายถึง การทำการตลาดผ่านเสิร์ชเอนจิ้น (google) คือทำให้เว็บไซต์เราปรากฎอยู่ใน เสิร์ชเอนจิ้น นั้นๆอยู่อันดับแรกๆ จะทำให้มีลูกค้าเห็นและสามารถคลิกเข้ามาได้ง่าย

การทำ SEM หรือ Search Engine Marketing

แบ่งออกได้เป็น 2 วิธี ย่อยๆ ครับ นั่นคือ Search Engine Advertising กับ Search Engine Optimization เราจะไปดูความหมายของคำ 2 คำนี้กัน

Search Engine Advertising

หมายถึง การซื้อโฆษณาหรือ ลงโฆษณาในเสิร์ชเอนจิ้น เพื่อให้ร้านออนไลน์เว็บไซต์ของเราแสดงให้ ผู้ใช้เสิร์ชเอนจิ้นเห็น กรณีของเสิร์ชเอนจิ้นอันดับหนึ่งอย่าง Google ก็ จะเรียกโปรแกรมโฆษณาของตัวเองว่า Google Ads เมื่อเราจ่ายเงินลง โฆษณาผ่านโปรแกรม Google Ads โฆษณาของเราจะไปแสดงให้ผู้ใช้ เห็นในหน้าผลการค้นหาของ Google (ดูภาพประกอบด้านล่าง) และปกติ แล้วการลงโฆษณากับ Search Engine Advertising นี้ จะมีการคิดค่า โฆษณาแบบ PPC (Pay-Per-Click) ซึ่งหมายถึงเราจะจ่ายเงินค่าโฆษณา เมื่อมีคนคลิกโฆษณาครับ

Search Engine Optimization

หมายถึง การทำให้ร้าน ออนไลน์เว็บไซต์ของเราขึ้นไปแสดงผลอยู่ในลำดับตันๆ ในหน้าผลการค้นหาของเสิร์เอนจิ้นเวลามีผู้ใช้เสิร์ชด้วยคำค้นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการทำ Search Engine Optimization นี้เป็นการทำ Search Engine Marketing แบบที่ไม่ต้องเสียงิน และคำย่อของ Search Engine Optimization ก็คือ SEO นั่นเอง โดยการทำ SEO นี้มีเทคนิคมากมายหลายอย่างครับ แต่หลักๆ ก็จะเป็นการปรับแต่งร้านออนไลน์/เว็บไซต์ของเราให้สอดคล้องกับการทำงานของเสิร์ชเอนจิ้น เพื่อให้เสิร์ชเอนจิ้นชื่นชอบและจัดลำดับ หรือแรงกิ้ง (Ranking) ของเราไว้สูงๆ ซึ่งจะช่วยให้มีคนหาร้านออนไลน์เว็บไซต์ของเราเจอมากขึ้น

Algorithm ของ Google

googleแบน หรือโดน ลงหลุมทราย คือ คนเข้าได้แต่โดน Algorithm ที่สำคัญของ Google แบน index ทำ seoให้ตาย index ก็ไม่มี ไม่มีโอกาส ติดหน้าแรกอย่างถาวร จนกว่าจะไปยื่นอุทรณ์กับ google หรือหาวิธีแก้ในอนาคต

Algorithm ที่สำคัญของ Google ในการจัดอันดับ มีดังนี้

Panda Algorithm (แพนด้า อัลกอริทึม)

Panda Algorithm จะคอยตรวจสอบและจัดอันดับหน้าเว็บไซต์ต่างๆ ด้วยเงื่อนไขว่าเนื้อหาในหน้าเว็บนั้นๆ เป็นเนื้อหาที่ สอดคล้องกับคำค้นหาที่พิมพ์ลงไปใน Google ข้อมูล หรือที่นัก SEO มักเรียกว่า On page SEO ซึ่งอัลกอริทึมตัวนี้จะใช้เป็นกระบวนการสำหรับการค้นหา คัดกรองบทความที่มีความเป็น Contents Farm (เนื้อหาไร้คุณภาพ ซ้ำๆกับเว็บไซต์อื่น) ออกจากดัชนี (Index) ของ Google หรือลดอันดับให้แสดงผลท้ายๆของผลการค้นหา

Penguin Algorithm (แพนกวิน อัลกอริทึม)

Penguin Algorithm เป็นอัลกอริทึมทำหน้าที่ตรวจสอบ และคัดกรองลิงก์เชื่อมโยงมาที่เว็บไซต์นั้นๆ หรือ Back link ว่ามีการสร้าง Link ที่เป็นธรรมชาติหรือไม่ หรือมีการจงใจสร้างลิงก์เชื่อมโยงจากเว็บไซต์อื่นๆมากเกินไปเพื่อทำอันดับอย่างจงใจ Back link ถือว่าเป็นปัจจัยที่มีสำคัญอย่างมาก โดยให้คะแนนจาก Link คุณภาพ ที่มาจากเว็บไซต์คุณภาพ ลิงก์ที่เป็น Text link (ลิงก์ที่เป็นอักษรที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในเว็บไซต์)

Caffeine Algorithm (คาเฟอิน อัลกอริทึม)

Caffeine Algorithm เป็นอัลกอริทีมที่ให้ความสำคัญกับความถี่ในการอัพเดทเนื้อหาของเว็บไซต์ และถูกนำมาใช้สำหรับการค้นหา SEO บนมือถือ ดังนั้นส่งผลให้เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาสดใหม่ มีการอัพเดทบ่อยๆ ถูกดึงมาแสดงผลในการค้นหาของ google บ่อยขึ้นตามความถี่ในการอัพเดท ทำให้อันดับใน Google มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงตลอดทั้งวัน ซึ่งจะคอยเกาะกระแส Trend ของระบบข่าวสารตามเว็บ Social ต่างๆได้ดีเพราะมีการอัพเดทข้อมูลอย่างบ่อยๆนั้นเอง

Hummingbird Algorithm (ฮัมมิ่งเบิร์ด อัลกอริทึม)

Google Hummingbird Algorithm คือ อัลกอริทีมเทคโนโลยีใหม่ที่มาพลิกวงการการค้นหาแบบเดิมๆกันเลยทีเดียว เพราะ Hummingbird อัลกอริทึมนั้นสามารถรวบรวมสถิติการค้นหาใหม่ในรูปแบบเสียง ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากพวกอุปกรณ์ Tablet และ Smartphone จากนั้นจะนำข้อมูลเสียงเหล่านี้แปลออกมาเป็นคำศัพท์และเก็บลงเป็นสถิติการค้นหาเพื่อนำมาใช้วิเคราะห์ สิ่งทีกำลังนิยมค้นหาอยู่ในปัจจุบัน ในเมื่อ Hummingbird สามารถทำการค้นหาข้อมูลด้วยเสียงได้และสามารถจัดทำ Index ด้วยเสียงได้เช่นกันดังนั้นการที่เจ้าของเว็บไซต์จะมีข้อมูล Contents ที่เป็นข้อมูลแบบเสียงเพิ่มเข้ามาใน Website ก็เป็นการเพิ่มโอกาสในการค้นหา SEO เข้าไปนั้นเอง

freepost

แจก เครื่องมือทำseo ที่จำเป็น

การทำ seo ต้องมีเทคนิกและเครื่องมือใช้งานที่ดีครับ ถ้าเราใช้เครื่องมือเป็นทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าการใช้เครื่องมือพวกนี้ที่ผมจะแจกให้มันจะทำให้บทความของเพื่อนๆติดอันดับ มันต้องอยู่กับการเขียนคอนเท้นของเพื่อนๆด้วย วันนี้ผมจะมาแจก เครื่องมือทำseo ที่จำเป็นให้เพื่อนๆไปใช้งาน อาจจะมีเสียเงินบ้างแต่คุ้มกับที่จ่ายไปครับรับประกันเลย

เครื่องมือทำseo

1.เว็บ ประกาศฟรี 1000 เว็บ  http://www.mediafire.com/?2xlvaxaq1w1mxn8

freepost

2.ระบบโพสตามเว็บลงประกาศอัตโนมัติ 400 เว็บที่ยังเปิดให้บริการแต่อาจจะมีเสียเงินนิดหน่อยเพื่อให้ลงได้ต่อเนื่อง   www.roverpost.com

freewebpost

3.เว็บเช็คบทความยูนิคไม่ยูนิค  อันนี้สำคัญ ถ้ามันขึ้นสีแดงเยอะไม่ควรนำไปใช้เลย   http://smallseotools.com/plagiarism-checker/  

contentchecker

4.ตัวเช็ค index และเช็ค BL ว่ามีจำนวนเท่าไหร่ เช็ค PR เว็บ  https://www.seoquake.com/index.html 

Backlinkchecker

5.ดูค่า DA/PA https://moz.com/tools/seo-toolbar

Moz

6.เว็บนี้จะรวมเครื่องมือเกี่ยวกับการทำ seo ไว้เกือบครบ https://smallseotools.com/  

SEOAudit

ทำSEOกับYoutube ทำอย่างไรให้ได้ผลดีที่สุด

การทำการ SEO หรือ  Search Engine Optimization สำหรับ Youtube เป็นสิ่งสำคัญมากๆ เพราะ SEO ให้คะแนนกับ Youtube ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ดังนั้นเราถึงจำเป็นต้อง ทำSEOกับYoutube ด้วย เราไปดูกันเลยว่าจะทำยังไง

ทำSEOกับYoutube

ก่อนอัพโหลดเราต้องมี Gmail ก่อนนะครับ จากนั้นล็อกอินเข้า youtube ให้เราอัพโหลดวีดีโอขึ้นไป
เราจะเจอหัวข้อ
Title = คือให้เราใส่หัวข้อ ให้มีคำครีเวิร์ดที่จะใช้ผสมอยู่ด้วย
Description = ให้ใส่คำอธิบาย แนบลิ้งใส่ไปด้วยและ ให้มีคำครีเวิร์ดอยู่ด้วย
Tags = ครีเวิร์ด ที่ต้องการจะใช้
VIDEO THUMBNAILS = ภาพตัวอย่างวีดีโอ
แค่นี้เองง่ายใช่ไหมครับ แต่การจะทำให้ Seo ดีต้องทำวีดีโอให้น่าสนใจด้วยนะครับ ไม่งั้นก็คงไม่มีใครคลิ๊กเข้ามาดูแน่ๆ

PR DA PA มีความสำคัญต่อ SEO อย่างไร

คุณเคยสงสัยไหมว่า PR, PA, DA ต้องการหางาน SEO ก็จะเจอกันนี่เป็นโอกาสพิเศษที่จะได้รับความรู้ความลับที่ไม่ลับกัน

PR (Page Rank): PR หรืออันดับของหน้าเป็นคะแนนที่ Google คิดถึงการจัดอันดับ สมัยก่อนค่า PR เป็นปัจจัยที่มีความสำคัญในการจัดอันดับของกูเกิลมีแนวโน้มว่าจะดีกว่า PR สูง ๆ หรือได้รับ Backlink จากเว็บที่มี PR สูงขึ้น ไม่ส่งผลอะไ กับการทำ SEO แล้วถึงขนาดที่ว่า Google ออกมาประกาศเองว่าได้ลดความสำคัญของการประชาสัมพันธ์และเลิกอัพเตดคะแนนตัวนี้ไปแล้ว

DA (Domain Authority): เป็นคะแนนที่คิดขึ้นโดย MOZ Score จะแสดงด้วยตัวเลข 1-100 ค่า DA แสดงถึงความสำคัญและความวางใจในการใช้งานของคุณโดย Moz คิดค่าคอมมิชชั่น โดยปกติแล้วเว็บไซต์ที่มีค่า DA สูงมักจะเป็นอันดับในอันดับที่ดีกว่าเว็บไซต์ที่มี DA ต่ำในค่าใช้จ่าย DA ใช้งานกันอย่างแพร่หลายเครื่องมือทำ SEO ที่นิยมในยุคนี้หลาย ๆ ตัวมีค่า DA ไป ใช้เ ็นคะแนนที่มีความสำคัญสำหรับหลาย ๆ คน แต่ก็ยังมีอีกหลาย ๆ คนที่ไม่ให้ความสำคัญกับค่า DA เช่นกัน

PA (Authority Page): ถูกคิดค้นโดย MOZ โดยปกติแล้วจะมีความแตกต่างจาก DA โดยค่า PA จะมีความคล้ายคลึงกันกับ DA แต่จะมีค่าน้อยกว่าหนึ่งเท่า เว็บไซต์สามารถที่จะมีค่า PA ที่หลากหลายอาจจะมี PA สูง แต่บางหน้าอาจจะมี PA ต่ำ

แล้ว PR DA PA มีความสำคัญต่อ SEO อย่างไร

เมื่อเข้าใจถึงความต้องการของ PR DA และ PA แล้วก็ต่อไปจะนำเอามันไปทำประโยชน์ให้กับเราได้แน่นอนวิธีการทำ SEO โดยใช้ประโยชน์จากเมตทริก ทั้ง 3 ตัวนี่คือคำตอบที่ได้รับจาก Backlink จากเว็บไซต์ที่มี PR และ DA สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ใ คำหลักที่คู่แข่งมี DA PA ไม่มากนักนักการตลาดและนักลงทุนที่มีความสามารถในการทำ SEO เป็นสิ่งที่ดีสำหรับการทำเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ (ผู้ใช้สัญญาณ) ข้อสรุปของผมคือการทำ SEO ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในการรับชมแต่ต้องให้ความสำคัญกับผู้ชม

ติดต่อสอบถามบริการเพิ่มค่า DA PA DR TF CF แอดไลน์

แนะนำการปรับ SEO ONPAGE จะต้องปรับหลักๆ ส่วนไหนบ้าง

การทำ seo จะแบ่งเป็นสองส่วนใหญ่ๆ คือการปรับแต่ง  SEO on page , SEO off page  วันนี้จะมาแนะนำการทำ  SEO on page กัน ด้วยกัน 3 ส่วนหลักๆดังนี้ที่ควรปรับเป็นหลัก

Seo On Page

1. Title Tag 

คือ ข้อความที่แสดงบน Title Bar ของบราวเซอร์ เป็นข้อความสำหรับบอกให้ทราบว่าหน้าเว็บไซต์ที่กำลังแสดงผลอยู่นั้นมีหัวข้อเกี่ยวกับอะไร ข้อความใน Title Tag ควรมีความยาว 60-70 ตัวอักษร และควรหลีกเลี่ยงอักขระพิเศษต่าง ๆ

สรุปคือ : ข้อความ  ตามภาพด้านล่าง ในกรอกสีแดง ( Title)  เมื่อเราปรับ seo setting จะโชว์ตรงนี้ เป็นหัวรายละเอียดของเว็บ  ทำให้คนอ่านแล้วอยากคลิ๊กอ่านแล้ว สร้างความน่าสนใจหัวข้อหลัก

2. Meta Description

ใช้สำหรับแสดงรายละเอียดโดยย่อของหน้าเว็บไซต์ที่แสดงผลอยู่ ซึ่งข้อความไม่ควรสั้น หรือ ยาวจนเกินไป และควรสัมพันธ์กับเนื้อหาของหน้านั้น ๆ ความยาวของคำอธิบายไม่ควรเกิน 200 อักษร

สรุปคือ :   รายละเอียดของเว็บ  สร้างความน่าสนใจเพิ่มเติม  และให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเว็บของท่านเอง  เวลาคนคลิ๊กเสริชข้อมูลจะเลือกดู title และ Description ดูรายละเอียดปลีกย่อยว่าน่าสนใจมาก น้อยแค่ไหน และเกี่ยวกับอะไร  มีอะไรที่จะทำให้คนอยากเข้าเว็บคุณ

3. Meta Keyword  

คือ คำค้นที่ใช้ระบุสำหรับการค้นหาผ่าน Search Engine โดยคำค้นที่กำหนดควรสอดคล้องกับเนื้อหาในหน้านั้นๆ คำค้นแต่ละคำจะต้องคั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค (,)(comma)  โดยความยาวที่ระบบรองรับจะต้องไม่เกิน 255 อักษร

สรุปคือ :  คีย์เวิดร์ หรือคำ ที่ตรงกับ เว็บของคุณ และ  ใช้ในการทำ seo เช่นเว็บ “ ขายรองเท้า” จะใช้คีย์เวิดร์ “เครื่องสำอาง”    มันไม่สัมพันธ์กัน   จะต้องใช้เป็น “ขายรองเท้า ,รองเท้า , รองเท้าราคาถูก”เป็นต้น…..   เพื่อที่คนจะได้ค้นหาคีย์เวิดร์ของเราและเจอเว็บของเรา โดยตรง

(ปกติคีย์เวิดร์จะไม่ถูกโชว์ในหน้าแรก googleจะถูกโชว์เฉพาะ  title ลิ้งค์เว็บ และ Description เท่านั้น แต่มีความสำคัญมากที่จะต้องตั้งค่าใน onpage)  

และนอกจาก 3 ข้อที่กล่าวมาก็ยังมีส่วนอื่นๆนำมานับคะแนนด้วยเช่น

Domain : โดเมนหรือ url เว็บไซต์นั้นสำคัญ   ถือเป็นอันดับต้นๆในหลายๆปีของการทำ seo ที่คนส่วนใหญ่นั้นให้ความสำคัญเรื่องโดเมนหรือ url เว็บไซต์ จำเป็นไหมที่จะต้องตั้งชื่อเว็บตาม แบรนด์ของเราหรือ สินค้าที่เราขาย หรือตามเว็บที่เราอยากเปิดหรือ จะต้องตั้งชื่อเป็นภาษาไทย

ตอบ:  ไม่จำเป็น มีผลต่อ seo เพียง 20-30% แต่จริงๆการตั้ง ตรงตามคีย์เวิดร์ หรือตามชื่อแบรนด์ หรือ ตามสินค้าที่ขายจะช่วยให้คนจดจำภาพลักษณ์แบรนด์สินค้าหรือตัวเว็บได้ดีกว่า  การใช้ชื่อที่ คนจดจำได้ยาก และ มีผลต่อ seo เช่นกัน แต่ถ้าหากชื่อไม่ได้ก็มองข้ามผ่านไป เน้นที่การเซ็ทค่า seo setting ก็ได้เช่นกัน

content  : บทความบนเว็บไซต์ ซึ่งเราจะต้องมีเนื้อหาหรือมีคอนเทนต์บนเว็บเพื่อสร้างคนเข้าชม(ทราฟฟิค) บนเว็บไซต์ของเรา และมีผลต่อ seo เช่นกัน บทความบางบทความสามารถทำอันดับบน google ได้ด้วยตัวของมันเองโดยที่เราไม่ต้องทำอะไร

about :  การแนะนำตัวหรือ ความน่าเชื่อถือบนเว็บ เว็บเรา ไม่ว่าจะเป็นเว็บประเภทอะไรควรจะมี “ความน่าเชื่อถือ การแนะนำตัว การบอกข้อมูลของบริษัท ข้อมูลตัวตนคร่าวๆ” ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและยังถือเป็นการปรับออนเพจที่ดี (แต่ปัจจุบันไม่ค่อยนิยม) หากเป็นประเภทเว็บทั่วไปจะไม่นิยม หากเป็น Blog จะนิยมมีส่วนนี้

Heading :  หรือหัวเว็บ หรือ  หากดูตามภาพจะเห็นว่า  อีกชื่อนึงคือ Page Header  ตามภาพจะแบ่งเป็นสามส่วน

  • ส่วนหัวเว็บ
  • ส่วนกลางเว็บหรือส่วนเนื้อหา
  • ส่วนFooter ส่วนท้ายเว็บ

Anchor Text (แองเกลอเทค) : คีย์เวิดร์บนเว็บไซต์ ที่ใช้ ในแต่ละส่วนของ เนื้อหาบนเว็บ พูดง่ายๆคือบนเว็บควรจะมีเนื้อหาในหน้าแรกไม่ใช่มีแต่รูปภาพเพราะนั้น  เป็น ขยะ(SEO) หรือพูดง่ายๆ ทำ SEO ยากกว่าแบบเว็บประเภทข้อความ ที่มีข้อความเยอะๆ หรือ มีข้อความคละรูปภาพ

(Alt Tag) หรือ Alt Image Tag   ชื่อของรูปภาพบนเว็บไซต์ :  ไม่ว่าภาพใดๆก็แล้วแต่ ควรจะใส่ชื่อรูปภาพหรือใส่เป็นคีย์เวิดร์บนเว็บ จะช่วยเรื่อง seo ได้มาก

Duplicate content :  ตัวนี้หมายความว่า เนื้อหาบทความที่  ซ้ำซากก็อปปี้มาแล้วมาลงบนเว็บ = ขยะ นอกจากไม่ช่วย seo ยังทำให้ถูก google มองว่าเป็นขยะเสียเครดิตภาพลักษณ์เว็บเสีย    บทความที่ลงบนเว็บ ควรจะเป็นบทความสดใหม่ เขียนขึ้นเองไม่ซ้ำใคร

Useful Content – for user not bot :  บทความที่เขียน คือบทความที่ ควรจะให้คนอื่นเข้ามาอ่านไม่ใช่การ spin หรือการทำบทความสำหรับบอทอ่านบทความที่  ตัดแปะ ก็อปคนนู้นมาใส่ตรงนี้ ก็อปคนนี้มาแปะตรงนั้น เป็นต้น แบบนี้ ก็จะถูก google มองว่า =ขยะ ไม่ใช่การทำ seoที่คุณภาพ

บริการอื่นๆ ยอดนิยม

SEO สายขาว สายเทา สายดำ คืออะไร ?

การทำ SEO คือการทำอันดับเว็บไซต์ใน google แต่ก็ยังมีปัจจัยอะไรๆหลายๆอย่างที่ทำให้ติดอันดับ อันนี้จะยกไปอธิบายในบทความต่อๆไป วันนี้ผมจะมาแบ่งสายของเว็บไซต์ว่า เว็บไซต์จองเพื่อนๆจะอยู่ในสายไหน สายขาว สายดำ สายเทา แล้วมันมีผลกระทบอะไรกับเราไหม

การแบ่งสาย SEO มีสามสายหลักๆ

สำหรับ SEO สายขาวคือการทำอันดับสำหรับ เว็บไซต์ขายของ เว็บไซต์ทั่วไป เว็บไซต์บริษัท
สำหรับ SEO สายดำคือการทำอันดับสำหรับ เว็บไซต์คาสิโนออนไลน์ เว็บแทงบอล
สำหรับ SEO สายเทาคือการทำอันดับสำหรับ เว็บเกมออนไลน์ เกมเถื่อน เว็บดูบอลออนไลน์ 

ผลกระทบของแต่ละสาย

SEO สายขาว ก็ไม่มีผลกระทบอะไรเลย เพราะเป็นเว็บไซต์ถูกกฎหมายทุกๆอย่าง
SEO สายดำ อันนี้ติดคุกแน่นอนครับ แต่แลกกับรายได้มหาศาล
SEO สายเทา เว็บที่เข้าข่าย เสี่ยงติดคุกนะครับ แต่ไม่แรงเท่าสายดำ ส่วนมาก host จะส่งมาเตือนให้ลบเนื้อหาออก

เพื่อนก็คงรู้แล้วว่า เว็บไซต์เพื่อนๆจะอยู่ในสายไหน ถ้าแอดมินแนะนำก็ให้เดินสายขาวดีกว่าครับ ปลอดภัยถึงรายได้ไม่เยอะมากแต่มันยั่งยืนมากครับ

การทำ 301 Redirect เพื่อไม่ให้อันดับ Google ร่วงไปไกล

301 Redirect คือ การทำการส่ง URL หนึ่ง ไปยังอีก URL หนึ่ง ซึ่งจะยกตัวอย่าง UNEED Digital รับทำเว็บราคาถูก เราไปทำ 301 Redirect เพื่อส่งคนที่เข้าด้วยลิ้งเก่าไปยังลิ้งนี้ uneeddigital.com รับทำเว็บและSEO คือคนที่เข้าจากลิ้งเก่าจะโดน Redirect เป็นชื่อใหม่ไปเลย

ประโยชน์ของ 301 Redirect

จะช่วยสำหรับกรณีที่เรามีการย้ายที่อยู่ของเว็บเพจของเราหรือ การเปลี่ยนชื่อโดเมน ข้อดีคือ ค่าต่าง ๆ รวมถึง backlink จะถูกส่งมาให้เว็บไซต์ใหม่ของเราทั้งหมดหากทำเท่าที่จำเป็น ก็จะมีผลดีด้าน SEO แต่ที่ห้ามเพราะมีนักทำ SEO สายเทาทำ 301 Redirect จากหลาย ๆ เว็บไซต์ที่มีค่า PA-DA สูงกลับมาเว็บเป้าหมายซึ่งเทคนิคการได้มาก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน ผลคือถูก Google มองว่าเราพยายามทำ SEO แบบผิดธรรมชาติและจะถูกจับตารวมถึงโดนลดอันดับความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ลงอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าใครใช้ WordPress เวลาเราเปลี่ยนลิ้งภายในเว็บระบบ WordPress ก็จะทำ 301 Redirect ให้อย่างอัตโนมัติ โดยไม่ผิดกฎของ Google แต่อย่างใด

                                           สรุป

การทำ 301 Redirect เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เพราะโลกออนไลน์สมัยนี้มีโปรโมชั่นเยอะ บางที่อาจจะเปลี่ยนแปลงข้อมูลอยู่บ่อยครั้ง การเปลี่ยนลิ้งจึงมีอยู่ตลอดนั้นเอง แต่ก็ระวังด้วยหากเราทำไปลิ้งที่เข้าไม่ได้ จากผลดีอาจจะทำให้อันดับตกก็ได้ครับ

ขั้นตอนในการทำ backlink แบบออฟเพจ

วันนี้จะมาสอนทำ SEO กับ บล็อกต่างๆ หรือจะเรียกว่า backlink แบบออฟเพจ โดยใช้บทความ วิธีการไม่ยากเท่าไร แต่ต้องใช้ความขยัน เพราะ google ชอบคนขยัน หากเราไม่ทำผิดกฎอะไรของ google มีโอกาสที่อันดับที่จะขยับได้ 80% เลยทีเดียว

1. เขียนบทความมาหนึ่งบทโดยแทรกคีย์เวิร์ดในบทความ ซัก 3-5 คีย์เวิร์ด
2. โพสใน บล็อกต่างๆ ตัวอย่าง บล็อกที่น่าสนใจเป็น Blogger.com
3. ให้ใส่คีย์เวิร์ดเป็นลิ้งกลับมายังเว็บหลักของเราที่ต้องการทำอันดับ SEO
4. ให้หมั่นขยันโพสบทความอัพเดท บล็อกทุกๆวัน วันละประมาณ 3 บทความ
5. ถ้าทำบล็อกเยอะ ก็ไม่ความใช้บทความซ้ำกันเพราะมันจะไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากจะทำให้อันดับตกนั้นเอง
6. ถ้ามีรูปก็ให้แทรกคีย์เวิร์ดไว้ในรูปด้วย จะทำให้เราติด SEO ได้เช่นกัน
7. ส่วนความยาวของ บทความ ควรจะราวๆ 500 – 700 คำ นับจาก เวิร์ดได้เลย

Profile Link ที่แสนธรรมดาแต่มีค่าสำหรับคนทำ SEO

Profile link มีผลต่อการทำ seo ในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ PR และอันดับเว็บไซต์ในการค้นหาใน search engine ต่างๆอาทิเช่น google / bing หรือ yahoo ลิงค์ที่ได้จากการทำลิงค์ประเภทนี้แม้จะเป็นลิงค์ที่ไม่มีคุณภาพมากนัก แต่หากเราเลือกเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเหมือนกันกับเว็บของเราและเพิ่มลิงค์ลงไปแน่นอนว่านี่ก็คือแบล็คลิงค์ชั้นดีได้เหมือนกัน แต่เราต้องไม่ลืมด้วยว่าเว็บของคุณต้องมีการโปรโมทด้านอื่นๆร่วมด้วย เพราะการทำ Profile link อย่างเดียวไม่ได้ช่วยในเรื่องของการทำ seo มากนักหากเราไม่อัพเดทเว็บและปรับปรุงเว็บให้มีคุณภาพตรงตามที่ search engine ได้กำหนดไว้

การทำไม่ควรนำส่วนที่เป็นหน้าที่มีลิงค์ไป ping อย่างเด็ดขาด (หากคุณรู้ว่าการ ping คืออะไรสำหรับคนที่ไม่รู้เราจะไม่อธิบายในส่วนนี้) ในกรณีที่คุณมีการทำลิงค์ประเภทนี้เป็นจำนวนมาก คุณควรอดทนและรอจนกว่า robot จาก search engine จะมาเก็บข้อมูลไปเองเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกแบนเนื่องจากการเพิ่มลิงค์จำนวนมาก

การสร้าง profile link บางเว็บไซต์จะให้เราใส่ Keyword ได้แต่นั่นมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ปนกันอยู่ ข้อดีของมันคือเป็นการทำลิงค์ Keyword กลับมายังเว็บของคุณ ซึ่งโดยทั่วไปการทำลิงค์ในลักษณะนี้ถือว่าเป็นข้อดีสำหรับนัก ทำseo แต่หากการทำ Profile link ที่มีจำนวนมาก ขอแนะนำให้ใช้เฉพาะ url เท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการถูก ban keyword จาก search engine บางค่ายที่มีกฏเข้มงวด

Profile link นอกจากจะมีประโยชน์ในด้านการทำ seo แล้ว มันยังสามารถนำผู้ชมเข้าสู่เว็บของคุณได้โดยตรงอีกด้วย หากคุณเป็นที่รู้จักของเพื่อนสมาชิกในสังคมเว็บนั้นๆ และการสร้าง profile link จะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นหากคุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในด้านต่างๆ ซึ่งทางทีมงาน UNEED จะได้นำเทคนิคต่างๆมานำเสนออีกครั้งในส่วนของเทคนิคการต่อยอดด้วย Profile link

สรุป : สำหรับเทคนิคนี้   ผลลัพธ์พอๆกับการติด Text link เลยครับปัจจุบันนั้นไม่ค่อยนิยมทำกันสักเท่าไหร่แต่มีส่วนช่วยใน seo ได้ในระดับนึง

บริการยอดนิยม

ยิงแอดสายเทาคืออะไร ? แล้วมีสินค้าอะไรบ้างที่จัดเป็นสายเทา

“ยิงแอดสายเทา” เป็นอีกหนึ่งคำเรียกของการตลาดออนไลน์ แต่บางคนยังไม่รู้ความหมายเลยว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่บางคนอาจจะรู้แต่เข้าใจไม่ถูกต้องว่าการยิงแอดสายเทาจำเป็นต้องเป็นของผิดกฎหมาย ผิดหลักจริยธรรมหรือเป็นสินค้าผิดกฎหมาย

แต่ไม่ใช่ว่าจะต้องผิดกฎหมายหรือสิ่งดังกล่าวทั้งหมดที่ว่ามา แต่สินค้าบางชนิดเป็นของที่เราพบเห็นได้ทั่วไป แต่ก็อาจจะไม่สามารถทำโฆษณาได้

ดังนั้นจึงต้องใช้การยิงแอด Facebook แบบฉบับของสายเทาเข้ามาช่วยในการทำโฆษณา เพื่อไม่ให้โดน Facebook แบน หรือโดนปิดเพจไปเสียก่อนที่เราจะได้เริ่มยิงแอดโฆษณาขาย

ยิงแอดสายเทาคืออะไร ? แล้วมีสินค้าอะไรบ้างที่จัดเป็นสายเทา (กดเลือกอ่านได้)

ยิงแอดสายเทาคืออะไร ? แล้วมีสินค้าอะไรบ้างที่จัดเป็นสายเทา

ยิงแอดสายเทา คือ การทำโฆษณาแบบเลี่ยงการผิดกฎของแพลตฟอร์มต่างๆ อาจจะเป็นสินค้าที่แพลตฟอร์มนั้นห้ามขาย แต่เราจะใช้เทคนิคของสายเทาในการทำให้สินค้าของเราสามารถขายได้ โดยที่ไม่โดนแบนจากระบบหากไม่ได้รับการตรวจสอบจากคนที่ไม่ใช่บอท

สำหรับการยิงแอดโฆษณาสายเทาตอนนี้ก็มีหลากหลายแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นบน Facebook, Instagram, Google Ads, TikTok และที่อื่นๆ อีกมากมาย ตามแต่ละแพลตฟอร์มได้กำหนดว่าสามารถขายสินค้าอะไรได้บ้าง

การยิงแอดสายเทาไม่ใช่ว่าจะเลวร้ายเสมอไป แต่แค่เราใช้เทคนิคการเลี่ยงหรือวิธีการอื่นๆ ในการทำโฆษณา เพื่อให้ผ่านการตรวจจับจากระบบของที่ต่างๆ โดยเฉพาะ Facebook ที่จะเน้นหนักไปด้านของการขายของ และต้องพึ่งพาวิธีของสายเทามากหน่อยสำหรับการทำโฆษณา

ประเภทสายการยิงแอด Facebook

การยิงแอด Facebook ก็ยังมีแบ่งได้เป็นอีก 3 สายใหญ่ๆ ที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้ว โดยจะมีดังนี้

สายขาว

คือการทำโฆษณาแบบปกติ ใช้สำหรับการทำโฆษณาขายสินค้าทั่วๆ ไป อาทิเช่น เสื้อผ้า อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์เครื่องเขียน เป็นต้น เป็นสินค้าที่ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียน หรือไม่มีเครื่องหมายลิขสิทธิ์อยู่บนตัวสินค้าก็สามารถใช้วิธีการยิงแอด Facebook แบบสายขาวได้เลย

สายเทา

คือ การยิงแอดโฆษณาให้กับสินค้าที่เรารู้จักคุ้นหน้าคุ้นตาดีอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถทำโฆษณาได้เพราะข้อจำกัดทางด้านความปลอดภัยของแพลตฟอร์มนั้นๆ แต่เราก็ยังใข้กันอยู่แพร่หลาย อาทิเช่น ครีมทาผิว เครื่องสำอางบางชนิด เครื่องมือทางการแพทย์ที่สามารถหาได้ทั่วไป เป็นต้น

สายดำ

คือ การทำโฆษณาให้กับสินค้าหรือบริการที่ผิดกฎหมาย โดยส่วนมากมักจะรู้กันอยู่แล้วว่ามีสินค้าอะไรบ้างที่จัดว่าผิดกฎหมาย แต่ก็ใช้เทคนิคของสายดำในการทำให้เลี่ยงการตรวจจับจากระบบได้ เช่น โฆษณาการพนัน บุหรี่ไฟฟ้า ของที่มีลักษณะ 18+ เป็นต้น

ตัวอย่างสินค้าประเภทที่ต้องพึ่งสายเทา

สินค้าที่จะต้องพึ่งสายเทาต่อไปนี้ บางคนอาจจะเอะใจว่าทำไมต้องพึ่งด้วย เพราะว่ามันผิดกฎของ Facebook เค้าบ่อย ทำให้สินค้าเหล่านี้โดนแบนบ่อยกว่าเพื่อน โดยจะมีอะไรบ้างนั้นมาดูกันเลย

ผลิตภัณฑ์ความงาม

พวกครีมผิวขาว ครีมหน้าใสลดฝ้า กระ จุดด่างดำ ทำให้หน้ากระจ่างใส สินค้าพวกนี้มักจะโดนในเรื่องของการใช้ภาพ Before / After เข้ามาช่วยในการทำโฆษณา รวมถึงการใช้หลักโฆษณาที่เกินจริงจากสรรพคุณสินค้า และเมื่อ Facebook เห็นว่ามันดูขัดต่อหลักความเป็นจริงและกฎหมายของแต่ละประเทศมากเกินไป ส่งผลให้สินค้าเหล่านี้ต้องพึ่งเทคนิคสายเทาเข้ามาช่วยเพื่อไม่ให้โดนแบนเมื่อยิงแอด Facebook

อาหารเสริมลดน้ำหนัก

กลุ่มนี้ก็เยอะเหมือนกันที่โดนแบนหรือทำโฆษณาไม่ผ่านกันมาก เพราะด้วยการใช้สรรพคุณที่เกินจริง รวมถึงรูปภาพที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นแล้วเนี่ยการใช้วิธีสายเทาก็สามารถทำให้โฆษณาผ่านได้ง่ายมากยิ่งขึ้น และไม่ต้องกังวลว่าจะโดนแบนเหมือนการทำแบบสายขาว เพราะจะมีอัตราการโดนแบนที่น้อยลงกว่าเดิมเยอะเลยทีเดียว

สถาบันให้บริการด้านเสริมความงาม

บริการประเภทนี้จะคล้ายกับสินค้าในกลุ่มของ “ผลิตภัณฑ์ความงาม” ซึ่งตรงนี้มักจะใช้ภาพ Before/After เข้ามาในการโปรโมทสถานบริการ และส่งผลให้โดนแบนได้ ตรงนี้แก้ได้ง่ายคือหารูปอื่นมาทำโฆษณาหรือใช้คำที่สุ่มเสี่ยงต่อการโดนแบน แต่ทั้งนี้สายเทาก็สามารถทำให้โฆษณาผ่านได้ง่ายๆ เหมือนกัน

สำหรับ FACEBOOK แล้วการวัดความสวยความงามไม่สามารถวัดได้ จึงไม่มีบรรทัดฐานไหนที่จะมานิยามความสวยความงาม รูปร่าง ได้ เพราะแต่ละคนก็พึงพอใจไม่เหมือนกัน ดังนั้น FACEBOOK จึงไม่เห็นด้วยที่จะเอารูปภาพที่บอกว่าสวยหรือหุ่นดีมาเป็นบรรทัดฐาน

เครื่องรางของขลัง

อ้างอิงจาก Facebook คือ การอ้างอิงจากศาสนาหรือความเชื่อมาใช้สำหรับการโฆษณานั้น Facebook ไม่อนุญาตให้ทำ เพราะอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ และรวมถึงอาจจะทำให้ผู้คนงมงายและหลอกเอาทรัพย์สินของผู้อื่นได้เช่นกัน และยิ่งใช้ภาพโฆษณาที่มีรูปพระและมีรูปเงินๆ ทองๆ ก็ยิ่งทำให้ผิดกฎ Facebook เข้าไปใหญ่ สุดท้ายก็จะถูกโดนแบน

การโฆษณาแบบสมัครรับตัวแทนจัดจำหน่ายสินค้า

การโฆษณาแบบนี้สิ่งที่มักจะพบเจอและโดนแบนคือ “การโฆษณาเกินจริง” สำหรับข้อนี้ก็ไม่ยาก เพียงแค่ก็เป็นสมัครรับตัวแทนจำหน่ายสินค้า และไม่ต้องใส่คำโอ้อวดเกินจริงมากมาย ก็สามารถยิงแอด Facebook ได้แบบผ่านฉลุยแล้ว แต่สำหรับเทคนิคสายเทา สามารถทำให้โฆษณาอนุมัติได้โดยใช้ข้อความสื่อสารอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกันทำให้ไม่โดนแบนง่ายๆ นั่นเอง

ส่วนสำหรับคำต้องห้ามเบื้องต้น จะมีคำว่าอะไรบ้างนั้นสามารถอ่านได้เพิ่มเติมที่บทความ “คำต้องห้ามในการยิงแอดของ Facebook

สายขาว VS สายเทา สายไหนดีกว่ากัน ?

ถ้าในแง่ของการทำโฆษณา Facebook ตามปกติ แน่นอนย่อมเป็นสายขาวที่ดีกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้าเกิดในแง่ของการเอาตัวรอดจากการโดนแบนโฆษณาต่างๆ หรือโอกาสในการเติบโต ยกให้ “สายเทา” จะดีกว่า เพราะสามารถเรียนรู้ ปรับปรุง พลิกแพลงเข้ากันได้กับทุกสถานการณ์

ทำให้เราเข้าใจโอกาสและจุดสำคัญของการทำโฆษณา เรียกได้ว่าสำหรับสายขาวนั้น “ทำตามกฎเกณฑ์” ส่วนสายเทา “เปลี่ยนวิธีนำเสนอ พลิกแพลงลูกเล่น” เข้าชนกับแพลตฟอร์มต่างๆ ทำให้มีโอกาสในการเติบโต พัฒนาด้านความรู้มากกว่าสายขาวนั่นเอง

แต่เอาจริงๆ ก็ตอบไม่ได้อยู่ดีว่า สายขาว VS สายเทา สุดท้ายแล้วใครจะดีกว่ากัน ? มันขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลด้วยว่าจะเรียนไปเพื่ออะไร และจะนำไปใช้กับอะไร ตรงนี้แหละเราต้องเป็นคนค้นหาคำตอบเองว่า สายขาวหรือสายเทาดีกว่ากัน

ส่วนสำหรับสายเทาหรือสายขาว ก็คงเจอปัญหาในเรื่องของบัญชีติดแดง หากใครไม่รู้วิธีแก้ก็สามารถอ่านได้ที่บทความ วิธีแก้เพจติดเหลืองติดแดง พร้อมวิธิติดต่อเจ้าหน้าที่

ถ้าเลือกเรียนจะเรียนสายขาวหรือสายเทาดี ?

หากคุณกำลังมองหาการเพิ่มความรู้เกี่ยวกับโฆษณา Facebook แล้วจะเรียนสายไหนดี ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้

สายขาว

เน้นการเรียนรู้การทำโฆษณาให้ถูกหลักและสามารถวิเคราะห์โฆษณาได้ พร้อมทั้งสอนยิงแอด Facebook ตั้งแต่พื้นฐานเบสิกไปจนถึงระดับ Advance ตามหลักการยิง และสอนวิธีแก้ไขเมื่อโฆษณาถูกปิด อนุมัติไม่ผ่าน

สายเทา

สอนยิงแอด Facebook ตั้งแต่เบสิกทุกอย่างเหมือนกับสายขาว แต่จะแตกต่างในด้านของการพลิกแพลง ปรับปรุงโฆษณาให้สามารถยิงแอด Facebook ได้ตลอดรอดฝั่ง พร้อมทั้งมีเทคนิคการฟาร์มบัญชีเมื่อโดนแบน วิธีการสลับบัตรยิงแอด Facebook ทำให้ได้ประสิทธิภาพที่ค่อนข้างเหนือกว่า และสามารถเอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ พร้อมรู้เทคนิคการทำโฆษณาสินค้าสายเทาแต่ละชนิดแบบเจาะลึกได้อีกด้วย

จากที่สังเกตหลายๆ คน เริ่มต้นก็มักจะเริ่มเรียนจากสายขาวก่อน แล้วค่อยไปลองขายสินค้า แต่เมื่อมีโอกาสได้แตะต้องสินค้าที่ต้องใข้เทคนิคสายเทา อาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงหรือเรียนรู้ใหม่อีกครั้ง ทำให้อาจจะเกิดความล่าช้า ซึ่งแตกต่างกับคนที่เรียนสายเทา เพราะจะได้ความรู้ของทั้งสองสาย สามารถประยุกต์ใช้กับการยิงแอด Facebook ได้ทันที

แต่ทั้งนี้ก็ไม่มีผิดไม่มีถูก หากใครคิดว่าอยากเรียนและเน้นขายสินค้าทั่วไป ก็สามารถหันเข้าหาสายขาวได้ แต่ใครที่ต้องการ Mindset หรืออยากเรียนด้านการวิเคราะห์ การพัฒนาโฆษณาอยู่ตลอดเวลา ก็แนะนำให้เรียนสายเทาจะคุ้มที่สุด

สรุป

การยิงแอดสายเทา ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นสินค้าที่ผิดกฎหมาย แต่อาจจะเป็นสินค้าที่เราสามารถพบเจอได้ทั่วไป แต่มักจะใช้โฆษณาที่เกินจริง หรือขัดต่อหลักของแพลตฟอร์มต่างๆ ทำให้โดนแบน และไม่สามารถทำโฆษณาได้ ดังนั้นจึงเกิดแนวทาง “การยิงแอดสายเทา” เพื่อให้สินค้าเหล่านั้นสามารถทำโฆษณาได้แบบที่ไม่ผิดกฎของแพลตฟอร์มต่างๆ

และข้อดีของการได้ยิงแอดแบบสายเทาคือ จะได้รู้จักพัฒนาชิ้นงานโฆษณาอยู่เสมอ การคิดที่เป็นระบบ และการที่จะเอาตัวรอดในวันที่ตลาดออนไลน์กำลังเดือด ทำให้เรามีแนวทางใหม่ๆ เกิดโอกาสใหม่ๆ ในการทำโฆษณาอยู่เสมอๆ