ไขข้อสงสัย: ราคาในการรับทำแบ็คลิงค์ ที่คุณควรรู้ในปี 2025

กำลังมองหาข้อมูลเกี่ยวกับ ราคาในการรับทำแบ็คลิงค์ อยู่ใช่ไหมครับ? ในปี 2025 นี้ การทำ SEO ยังคงเป็นเรื่องสำคัญ และแบ็คลิงค์ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลย แต่หลายคนก็ยังสงสัยว่า ราคาในการรับทำแบ็คลิงค์ จริงๆ แล้วเป็นเท่าไหร่กันแน่ แล้วอะไรบ้างที่ทำให้ราคามันแตกต่างกัน วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยกันครับ

• ราคาในการรับทำแบ็คลิงค์ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น คุณภาพเว็บผู้ให้ลิงค์ ความเกี่ยวข้องของเนื้อหา และ Domain Authority ของเว็บนั้นๆ
• แบ็คลิงค์แต่ละประเภทมีราคาไม่เท่ากัน แบ็คลิงค์จากบทความมักมีราคาสูงกว่าจากไดเรกทอรีหรือฟอรั่ม
• การประเมิน ราคาในการรับทำแบ็คลิงค์ ควรดูที่ผลตอบแทนที่จะได้รับ (ROI) และเปรียบเทียบข้อเสนอจากหลายๆ เจ้า
• การเลือก ราคาในการรับทำแบ็คลิงค์ ที่ถูกเกินไปอาจนำไปสู่ปัญหา เช่น การโดน Google ลงโทษ หรือเสียอันดับ
• การสร้างแบ็คลิงค์อย่างเป็นธรรมชาติด้วยเนื้อหาดีๆ และการทำ Outreach ที่ดี จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว

เวลาจะซื้อแบ็คลิงค์เนี่ย ราคาไม่ใช่แค่ตัวเลขเฉยๆ นะ มันมีหลายอย่างที่ทำให้ราคาแตกต่างกันไป เหมือนเวลาเราซื้อของนั่นแหละ บางทีของเหมือนกันแต่ราคาไม่เท่ากัน เพราะคุณภาพหรือแหล่งที่มามันต่างกัน เรื่องแบ็คลิงค์ก็เหมือนกัน

อันนี้สำคัญมากเลยนะ เว็บไซต์ที่ให้ลิงค์เรามาเนี่ย ถ้าเป็นเว็บที่มีคนเข้าเยอะๆ น่าเชื่อถือ มีเนื้อหาดีๆ คนอ่านเยอะๆ แบบนี้ราคาจะสูงหน่อย เพราะมันช่วยส่งพลังให้เว็บเราได้เยอะจริงๆ ยิ่งเว็บที่ให้ลิงค์มีคุณภาพสูงเท่าไหร่ ราคาก็ยิ่งแพงขึ้นเท่านั้น พวกเว็บที่เพิ่งสร้างใหม่ๆ หรือเว็บที่ดูไม่ค่อยมีคุณภาพ คนเข้าก็น้อยๆ อันนี้ราคาจะถูกลงมาหน่อย แต่ก็ต้องดูดีๆ ว่ามันคุ้มค่าไหม

ลองคิดดูนะ ถ้าเราขายรองเท้า แล้วมีคนทำลิงค์มาให้จากเว็บที่เกี่ยวกับแฟชั่น หรือเว็บรีวิวรองเท้า มันก็ดูเข้าท่าใช่ไหมล่ะ? แต่ถ้าลิงค์มาจากการ์ตูนเด็ก หรือเว็บสูตรทำอาหาร อันนี้มันก็ดูไม่ค่อยเกี่ยวกันเท่าไหร่ เว็บไซต์ที่เนื้อหา เกี่ยวข้อง กับเว็บเรา จะมีค่ามากกว่า ทำให้ลิงค์นั้นมีน้ำหนักและส่งผลดีต่อ SEO มากกว่า ราคาเลยมักจะสูงกว่าลิงค์ที่มาจากเว็บไม่เกี่ยวกันเลย

อันนี้เป็นเหมือนคะแนนความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์เลย ยิ่งเว็บไหนมีค่า DA สูงๆ (Domain Authority) ก็ยิ่งเหมือนเป็นเว็บใหญ่ เว็บดัง มีคนเชื่อถือเยอะ เวลาเว็บพวกนี้ให้ลิงค์มา มันก็เหมือนได้ลายเซ็นจากคนดังอะนะ ราคาเลยสูงตามไปด้วย เว็บที่มี DA ต่ำๆ ก็จะราคาถูกลงมาหน่อย แต่ก็ต้องดูว่ามันคุ้มกับผลลัพธ์ที่ได้หรือเปล่า

สรุปง่ายๆ คือ ยิ่งเว็บที่ให้ลิงค์เรามามีคุณภาพ มีความเกี่ยวข้องกับเรา และมีอำนาจของโดเมนสูง ราคาก็จะยิ่งแพงขึ้นตามไปด้วยนะจ๊ะ

เวลาพูดถึงการรับทำแบ็คลิงค์เนี่ย มันไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะราคาเท่ากันหมดนะ มันมีหลายแบบ หลายเกรด แล้วแต่ละแบบก็มีราคาไม่เหมือนกันเลย เหมือนเราไปซื้อของนั่นแหละ มีตั้งแต่ของถูกไปจนถึงของแพง แล้วคุณภาพมันก็ต่างกันไป

อันนี้คือแบบที่คนนิยมกันมากที่สุดเลยนะ เพราะมันดูเป็นธรรมชาติที่สุด เราไปเขียนบทความลงในเว็บอื่น แล้วในบทความนั้นก็จะมีลิงค์กลับมาที่เว็บเรา การทำ Guest Post ที่ดีต้องเลือกเว็บที่มีคุณภาพและเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเราจริงๆ ไม่งั้นมันก็ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ ราคาจะขึ้นอยู่กับว่าเว็บที่เราไปลงเนี่ย ดังแค่ไหน มีคนเข้าเยอะไหม แล้วเว็บนั้นมี Authority สูงแค่ไหน ถ้าเว็บใหญ่ๆ ดังๆ หน่อย ราคาก็จะสูงตามไปด้วย อาจจะเริ่มตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลายหมื่นบาทต่อลิงค์เลยก็มีนะ

อันนี้จะเก่าหน่อย เหมือนสมัยก่อนที่เวลาจะหาข้อมูลอะไรก็ต้องไปเปิดสมุดหน้าเหลืองน่ะแหละ เราก็ส่งเว็บของเราไปให้เขาลิสต์ไว้ในหมวดหมู่ต่างๆ ของเว็บไดเรกทอรี ข้อดีคือมันทำได้เยอะและเร็ว ราคาถูกมาก บางทีอาจจะฟรีด้วยซ้ำ แต่เดี๋ยวนี้ Google ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับลิงค์ประเภทนี้เท่าไหร่แล้ว ถ้าจะทำก็ต้องเลือกไดเรกทอรีที่มีคุณภาพจริงๆ ไม่งั้นอาจจะโดนมองว่าเป็นสแปมได้นะ

อันนี้ก็คือการไปโพสต์ตามเว็บบอร์ดต่างๆ แล้วก็ใส่ลิงค์กลับมาที่เว็บเรา ส่วนใหญ่จะทำกันในลักษณะของการตอบคำถาม หรือเข้าไปคุยในกระทู้ที่เกี่ยวข้อง แล้วก็แอบใส่ลิงค์เราเข้าไปแบบเนียนๆ ราคาจะถูกกว่า Guest Post มาก บางทีอาจจะแค่หลักร้อย หรือบางทีก็ทำเองได้เลย แต่ต้องระวังมากๆ เพราะถ้าโพสต์ไม่เนียน หรือโพสต์แต่ลิงค์อย่างเดียว อาจจะโดนแบน หรือโดน Google มองว่าเป็นสแปมได้ง่ายๆ เลย

การเลือกประเภทแบ็คลิงค์ต้องดูให้เหมาะกับงบประมาณและเป้าหมายของเราด้วยนะ ไม่ใช่ว่าเห็นอันไหนถูกก็ทุ่มทำไปหมด มันอาจจะส่งผลเสียมากกว่าผลดีก็ได้

สรุปง่ายๆ คือ

• Guest Post: แพงหน่อย แต่คุณภาพดี เป็นธรรมชาติ เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาว
• Directory Submission: ถูก หรือฟรี แต่คุณภาพไม่แน่นอน ต้องเลือกดีๆ
• Forum Posting: ถูกมาก หรือทำเองได้ แต่เสี่ยงสูง ต้องระวังเรื่องสแปม

การเลือกใช้เครื่องมืออย่าง GSA SER ก็อาจจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการสร้างแบ็คลิงค์จำนวนมาก แต่ต้องศึกษาและปรับใช้ให้ดีนะ ไม่งั้นอาจจะเจอปัญหาตามมาได้

เวลาจะซื้อแบ็คลิงค์สักทีเนี่ย มันก็ต้องคิดให้ดีๆ หน่อยใช่ไหมล่ะครับ ไม่ใช่เห็นราคาถูกแล้วรีบคว้าไว้ เดี๋ยวจะมาเสียใจทีหลัง เอาเป็นว่าเรามาดูกันว่า จะประเมินยังไงให้คุ้มค่าที่สุดดีกว่า

เวลาเราจ่ายเงินไปทำอะไรสักอย่าง เราก็อยากให้มันได้ผลกลับมาใช่ไหมครับ การทำแบ็คลิงค์ก็เหมือนกัน เราต้องดูว่าเงินที่เสียไปเนี่ย มันจะช่วยให้เว็บไซต์ของเราดีขึ้นแค่ไหน อาจจะวัดจากจำนวน Traffic ที่เพิ่มขึ้น หรืออันดับใน Google ที่ดีขึ้น ถ้าลงทุนไปแล้วได้ผลตอบแทนกลับมาดี ก็ถือว่าคุ้มค่าครับ อย่ามองแค่ราคาถูกอย่างเดียวเด็ดขาด

เหมือนเวลาเราจะซื้อของอะไรสักอย่างนั่นแหละครับ อย่าเพิ่งตัดสินใจซื้อเจ้าแรกที่เจอ ลองเปรียบเทียบราคาและบริการจากหลายๆ เจ้าดูก่อน บางทีอาจจะมีเจ้าที่ให้ราคาดีกว่า หรือมีบริการเสริมที่น่าสนใจกว่าก็ได้นะ การเปรียบเทียบจะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของตลาดได้ดีขึ้น และตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าเจ้าไหนให้ความคุ้มค่าที่สุด

ผู้ให้บริการหลายๆ เจ้าก็จะมีแพ็คเกจให้เลือกเยอะแยะไปหมดเลยครับ บางทีแพ็คเกจที่ดูเหมือนจะแพงกว่า อาจจะให้จำนวนแบ็คลิงค์ที่เยอะกว่า หรือเป็นแบ็คลิงค์ที่มีคุณภาพสูงกว่าก็ได้ ลองดูว่าแพ็คเกจไหนที่ตอบโจทย์ความต้องการของเรามากที่สุด และให้ผลลัพธ์ที่เราคาดหวังได้จริง บางทีการเลือกแพ็คเกจที่เหมาะสมกับงบประมาณและเป้าหมายของเรา ก็เป็นกุญแจสำคัญของการทำ SEO ที่คุ้มค่าเลยล่ะครับ การเลือกใช้เครื่องมือ AI ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจในปี 2025 AI is revolutionizing SEO.

การประเมินราคาแบ็คลิงค์ที่คุ้มค่า ไม่ใช่แค่การมองหาสิ่งที่ถูกที่สุด แต่คือการหาสิ่งที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดเมื่อเทียบกับเงินที่จ่ายไปครับ

• คุณภาพของแบ็คลิงค์: แบ็คลิงค์จากเว็บที่มีคุณภาพสูง ย่อมมีราคาสูงกว่า แต่ก็ให้ผลดีกว่า
• จำนวนแบ็คลิงค์: บางแพ็คเกจอาจจะเน้นจำนวน แต่บางแพ็คเกจเน้นคุณภาพ ต้องดูว่าเราต้องการแบบไหน
• บริการเสริม: บางเจ้าอาจจะมีบริการอื่นๆ แถมมาด้วย เช่น การเขียนบทความ หรือการทำ Report ให้ ลองพิจารณาดูครับ

การสร้างแบ็คลิงค์แบบธรรมชาติเนี่ย มันไม่ใช่แค่การไปแปะๆ ลิงค์มั่วๆ นะครับ แต่มันคือการทำให้คนอื่นอยากจะลิงค์มาหาเราเอง ซึ่งมันจะส่งผลดีต่อ SEO ในระยะยาวมากๆ เลยล่ะ

อันนี้คือหัวใจหลักเลยครับ ถ้าเนื้อหาเราดี มีประโยชน์ คนอ่านแล้วชอบ เขาก็อยากจะแชร์ หรืออ้างอิงถึงเป็นธรรมดา ลองคิดดูว่าถ้าคุณเจอข้อมูลเจ๋งๆ ที่ไหน คุณก็อยากจะบอกต่อใช่ไหมล่ะ?

• เขียนบทความที่ให้ความรู้แบบเจาะลึก: ไม่ใช่แค่ผิวเผิน แต่ต้องลงรายละเอียดที่คนอื่นหาไม่ได้ง่ายๆ
• สร้าง Infographic หรือ Visual Content: อะไรที่ดูง่าย เข้าใจเร็ว คนชอบแชร์ครับ
• ทำ Case Study หรือข้อมูลสถิติ: ข้อมูลจริงที่น่าเชื่อถือ เป็นที่ต้องการเสมอ
• ทำวิดีโอที่น่าสนใจ: วิดีโอเป็นที่นิยมมาก ลองทำคอนเทนต์ที่คนอยากดูสิครับ

จำไว้ว่า เนื้อหาที่ดีคือแม่เหล็กดึงดูดแบ็คลิงค์ชั้นดีเลยนะ

พอเรามีของดี (เนื้อหาคุณภาพ) แล้ว ก็ต้องรู้จักออกไปนำเสนอให้คนอื่นเห็นบ้าง การทำ Outreach ก็เหมือนการไปแนะนำตัวกับเว็บไซต์อื่นๆ ที่เราคิดว่าน่าจะสนใจเนื้อหาของเรา

• หาเว็บไซต์เป้าหมาย: ค้นหาบล็อกเกอร์ หรือเว็บไซต์ที่มีกลุ่มเป้าหมายใกล้เคียงกับเรา
• สร้างความสัมพันธ์: อย่าเพิ่งรีบขอลิงค์ ลองเข้าไปคอมเมนต์ หรือแชร์เนื้อหาของเขาดูก่อน
• เสนอเนื้อหาของเรา: เมื่อมีโอกาส ก็ลองแนะนำบทความของเราที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านของเขา
• ติดตามผล: ถ้าเขาไม่ตอบกลับ ก็ลองส่งอีเมลไปอีกครั้งอย่างสุภาพ

โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังมากในการกระจายเนื้อหา และสร้างโอกาสในการได้แบ็คลิงค์ครับ

• แชร์เนื้อหาของเราอย่างสม่ำเสมอ: ให้คนเห็นเยอะๆ โอกาสที่จะมีคนสนใจก็มากขึ้น
• มีส่วนร่วมกับชุมชน: เข้าไปคุย ไปตอบคำถามในกลุ่ม หรือเพจที่เกี่ยวข้อง
• สร้างคอนเทนต์ที่เหมาะกับแต่ละแพลตฟอร์ม: ไม่ใช่แค่เอาลิงค์ไปแปะ แต่ต้องปรับให้เข้ากับสไตล์ของแต่ละที่
• ใช้ Hashtag ที่เกี่ยวข้อง: ช่วยให้คนค้นหาเจอได้ง่ายขึ้น

เวลาเลือกซื้อแบ็คลิงค์เนี่ย บางทีเห็นราคาถูกๆ แล้วมันก็อดใจไม่ไหวใช่ไหมล่ะ? เข้าใจเลยว่าอยากประหยัดงบ แต่บอกเลยว่าการเลือกแบ็คลิงค์ที่ราคาถูกเกินไปเนี่ย มันมีความเสี่ยงซ่อนอยู่เยอะเลยนะ

พวกเว็บที่ขายแบ็คลิงค์ราคาถูกมากๆ ส่วนใหญ่มักจะเป็นเว็บที่คุณภาพไม่ดี หรือไม่ก็เป็นเว็บที่สร้างขึ้นมาเพื่อขายลิงค์โดยเฉพาะเลย พวกนี้แหละที่ Google จับตาดูเป็นพิเศษ ถ้าไปซื้อลิงค์จากเว็บพวกนี้มาเยอะๆ หรือไปอยู่ในเครือข่ายลิงค์ที่ผิดกฎของ Google เนี่ย โดน Google ลงโทษได้ง่ายๆ เลยนะ ผลที่ตามมาคือเว็บเราอาจจะหายไปจากหน้าค้นหาเลยก็ได้

นอกจากจะโดนโทษจาก Google แล้ว การได้ลิงค์คุณภาพต่ำมาเยอะๆ ยังทำให้ Search Engine อื่นๆ มองว่าเว็บเราไม่น่าเชื่อถือไปด้วยนะ เหมือนเราไปคบเพื่อนไม่ดีอะแหละ พอ Search Engine ไม่ไว้ใจเว็บเรา อันดับในหน้าผลการค้นหาก็จะร่วงลงไปเรื่อยๆ แทนที่จะดีขึ้น กลายเป็นแย่กว่าเดิมอีก

ลองคิดดูนะ ถ้ามีคนคลิกเข้ามาจากลิงค์ที่อยู่บนเว็บคุณภาพต่ำๆ หรือเว็บสแปม คนที่เข้ามาก็จะรู้สึกไม่ดีกับเว็บเราตั้งแต่แรกเห็นเลย มันเหมือนเราไปตั้งร้านในตลาดมืดอะแหละ ภาพลักษณ์ของเว็บเราก็จะเสียไปด้วย พอเสียชื่อเสียงไปแล้ว การจะกู้คืนกลับมามันยากกว่าเดิมเยอะเลยนะ

มาดูกันว่าปี 2025 นี้ ค่าทำแบ็คลิงค์มันประมาณเท่าไหร่กันแน่ จะได้วางแผนงบกันถูก

ถ้าอยากได้ลิงค์ดีๆ แบบสุดๆ ที่มาจากเว็บใหญ่ๆ มีคนเข้าเยอะๆ และเนื้อหาตรงกับเราเป๊ะๆ เนี่ย ราคาจะสูงหน่อยนะ บอกเลยว่าหลักพันบาทต่อลิงค์นี่คือเรื่องปกติ บางทีอาจจะถึงหลักหมื่นก็มี ถ้าเว็บนั้นดังมากๆ หรือเป็นเว็บเฉพาะทางที่หาลิงค์ยากจริงๆ พวกนี้มักจะมาในรูปแบบของ Guest Post บนเว็บที่มี Authority สูงๆ หรือการได้ลิงค์แบบธรรมชาติจากการทำคอนเทนต์เจ๋งๆ จนคนอื่นอยากอ้างอิงถึง

อันนี้จะเป็นลิงค์ที่คุณภาพรองลงมาหน่อย อาจจะมาจากเว็บที่มี Traffic พอสมควร แต่ไม่ได้ดังเปรี้ยงปร้างเท่ากลุ่มแรก หรืออาจจะเป็นเว็บที่ Authority ไม่ได้สูงมาก แต่ก็ยังถือว่าดีพอที่จะช่วยเรื่อง SEO ได้ ราคาจะอยู่ที่ประมาณหลักร้อยถึงหลักพันบาทต่อลิงค์ เป็นตัวเลือกที่หลายคนเลือกใช้ เพราะสมดุลระหว่างราคาและคุณภาพ

กลุ่มนี้ก็คือลิงค์ที่ราคาถูกมากๆ อาจจะหลักสิบหรือหลักร้อยต้นๆ ส่วนใหญ่จะเป็นลิงค์จากไดเรกทอรีทั่วไป, ฟอรั่มที่คนไม่ค่อยเล่นแล้ว, หรือเว็บที่คุณภาพไม่ค่อยดีนัก ต้องระวังให้มาก เพราะอาจจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี ถ้าไม่เลือกดีๆ อาจจะโดน Google มองว่าสแปมได้เลยนะ

การตั้งงบประมาณสำหรับแบ็คลิงค์ควรพิจารณาถึงเป้าหมายระยะยาวของเว็บไซต์ด้วยนะ ไม่ใช่แค่ดูที่ราคาถูกหรือแพงอย่างเดียว

ปัจจัยพวกนี้มันเปลี่ยนแปลงได้ตลอดนะ เพราะ Google ก็อัปเดตอัลกอริทึมอยู่เรื่อยๆ สิ่งสำคัญคือต้องตามข่าวสารและปรับกลยุทธ์ให้ทันเสมอ การทำลิงค์ที่ดีที่สุดคือการทำแบบธรรมชาติและมีคุณภาพจริงๆ นั่นแหละ

การเลือกคนที่จะมาช่วยทำแบ็คลิงค์ให้เว็บไซต์เรานี่สำคัญมากเลยนะ เพราะถ้าเลือกผิด ชีวิตอาจจะยุ่งยากกว่าเดิมอีก ไหนจะเสียเงินเปล่า ไหนจะโดน Google ดุอีก

อันดับแรกเลยนะ ลองส่องดูว่าเขาเคยทำเว็บไหนมาบ้าง มีผลงานที่น่าภูมิใจโชว์รึเปล่า พวกเว็บรีวิว หรือกระทู้ในพันทิปนี่แหละ แหล่งข้อมูลชั้นดีเลย ลองหาดูว่ามีใครเคยใช้บริการแล้วออกมาดี หรือมีปัญหาอะไรบ้าง การดูรีวิวจากผู้ใช้จริงจะช่วยให้เราเห็นภาพรวมได้ดีที่สุด

อย่าเพิ่งเชื่ออะไรง่ายๆ นะ ถามเขาไปเลยว่ามีแผนจะทำแบ็คลิงค์ให้เรายังไง จะเอาลิงค์มาจากไหนบ้าง เป็นเว็บประเภทไหน เกี่ยวกับเว็บเราไหม ถ้าเขาตอบแบบคลุมเครือ หรือดูไม่ค่อยรู้เรื่อง ก็อาจจะต้องคิดหนักหน่อยนะ

เวลาคุยกันแล้วรู้สึกว่าเขาตอบคำถามเราได้เคลียร์ดีไหม มีการอัปเดตความคืบหน้าให้เราทราบเรื่อยๆ รึเปล่า ถ้าคุยกันแล้วรู้สึกอึดอัด หรือเขาหายเงียบไปบ่อยๆ ก็ไม่น่าจะเวิร์คเท่าไหร่

การเลือกผู้ให้บริการที่ดีเหมือนกับการเลือกเพื่อนร่วมงาน ยิ่งคุยกันรู้เรื่อง ยิ่งทำงานด้วยกันได้ราบรื่น ผลลัพธ์ที่ได้ก็มักจะออกมาดีตามไปด้วย

สรุปง่ายๆ คือ ต้องดูให้ดีก่อนตัดสินใจนะ จะได้ไม่เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา แล้วก็เสียสุขภาพจิตด้วย

เวลาเราพูดถึงการทำ SEO เนี่ย ราคาในการรับทำแบ็คลิงค์มันมีผลแบบเห็นๆ เลยนะ ไม่ใช่แค่เรื่องของอันดับอย่างเดียว แต่มันส่งผลไปถึงภาพรวมของเว็บไซต์เราเลยล่ะ

เวลาเราได้แบ็คลิงค์ดีๆ จากเว็บที่มีคุณภาพและเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเราเนี่ย มันเหมือนมีคนแนะนำเว็บเราให้คนอื่นรู้จักนั่นแหละ คนที่คลิกเข้ามาก็จะมีความสนใจในเรื่องเดียวกันอยู่แล้ว ทำให้ Traffic ที่เข้ามามีคุณภาพมากขึ้น โอกาสที่เขาจะอยู่บนเว็บเรานานๆ หรือกลายเป็นลูกค้าก็สูงขึ้นตามไปด้วย ราคาที่จ่ายไปเลยกลายเป็นเรื่องรอง เมื่อเทียบกับคุณภาพของคนที่เข้ามา

ลองคิดดูนะ ถ้าเว็บเรามีลิงค์จากเว็บใหญ่ๆ หรือเว็บที่คนเชื่อถือเยอะๆ มันก็เหมือนเราได้เครดิตไปด้วยไง Search Engine อย่าง Google ก็จะมองว่าเว็บเรามีความน่าเชื่อถือสูงขึ้นตามไปด้วย ทำให้มีโอกาสติดอันดับดีขึ้นในระยะยาว การลงทุนกับแบ็คลิงค์คุณภาพดีๆ เลยเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือระยะยาวให้เว็บเราเลยนะ

อันนี้ชัดเจนที่สุดเลย แบ็คลิงค์ดีๆ มันช่วยให้ Google เข้าใจว่าเว็บเรามีเนื้อหาที่มีประโยชน์และเป็นที่ยอมรับ ทำให้เว็บเรามีโอกาสถูกจัดอันดับให้สูงขึ้นในหน้าผลการค้นหา (SERP) ซึ่งแน่นอนว่าอันดับที่ดีขึ้นก็หมายถึงคนเห็นเว็บเรามากขึ้น โอกาสในการคลิกเข้ามาก็มากขึ้นตามไปด้วย มันเป็นวงจรที่ส่งผลดีต่อกันไปหมดเลย

การสร้างแบ็คลิงค์ที่ดีมันก็เหมือนกับการสร้างคอนเนคชั่นดีๆ นั่นแหละครับ ไม่ใช่แค่การไปขอลิงค์มาแปะๆ แต่มันคือการสร้างความสัมพันธ์และคุณค่าให้กันและกัน ถ้าเราทำแบบนี้ได้ นอกจากจะได้ลิงค์ดีๆ แล้ว ยังได้ประโยชน์อื่นๆ ตามมาอีกเพียบเลยนะ มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่ทำแล้วคุ้มค่าจริงๆ

ลองนึกภาพว่าเรามีเพื่อนที่คนรู้จักเยอะๆ แล้วเขาช่วยแนะนำเราให้คนอื่นรู้จัก มันก็ประมาณนั้นเลยครับ การที่เราไปสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนที่มีอิทธิพลในวงการที่เราทำอยู่ หรือมีผู้ติดตามเยอะๆ เนี่ย ถ้าเขาชอบคอนเทนต์ของเรา หรือเห็นว่าเรามีประโยชน์กับผู้ติดตามของเขา เขาอาจจะอยากแชร์ หรือพูดถึงเรา ทำให้เกิดลิงค์กลับมาหาเราแบบธรรมชาติ ซึ่งลิงค์แบบนี้มีคุณภาพสูงมาก เพราะมาจากคนที่น่าเชื่อถือ

• เริ่มจากการติดตามและมีส่วนร่วมกับคอนเทนต์ของ Influencer อย่างสม่ำเสมอ
• แสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ หรือแชร์โพสต์ของเขา
• ลองเสนอไอเดียคอนเทนต์ร่วมกัน หรือให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับเขา
• อย่าเพิ่งรีบขอลิงค์ตั้งแต่แรก ให้สร้างความสัมพันธ์ให้แน่นก่อน

วิธีนี้ก็เจ๋งดีนะ คือเราไปหาลิงค์ที่ตายแล้ว หรือลิงค์เสียๆ บนเว็บไซต์อื่น แล้วลองติดต่อไปบอกเจ้าของเว็บว่าลิงค์ตรงนี้เสียนะ พร้อมกับเสนอลิงค์ของเราที่เนื้อหาใกล้เคียงกันไปแทน ถ้าเจ้าของเว็บเห็นว่าลิงค์เรามีประโยชน์จริงๆ เขาก็อาจจะเปลี่ยนลิงค์เสียอันเก่ามาเป็นลิงค์ของเราแทน เป็นการช่วยเขา แถมเราก็ได้ลิงค์กลับมาด้วย

• ใช้เครื่องมือช่วยหาลิงค์เสียบนเว็บเป้าหมาย
• ตรวจสอบว่าลิงค์เสียนั้นนำไปสู่หน้าอะไร และเนื้อหาของเราเกี่ยวข้องแค่ไหน
• เขียนอีเมลแจ้งเจ้าของเว็บอย่างสุภาพ พร้อมเสนอลิงค์ของเรา

คนเราชอบอะไรที่ดูง่ายๆ สบายตาใช่ไหมครับ Infographics นี่แหละตอบโจทย์เลย ถ้าเราสร้าง Infographics ที่มีข้อมูลน่าสนใจ เข้าใจง่าย และออกแบบสวยๆ เนี่ย คนอื่นก็จะอยากเอาไปแชร์ต่อ หรือเอาไปลงในเว็บของตัวเอง แล้วก็มักจะใส่ลิงค์กลับมาให้เราด้วย เป็นการสร้างคอนเทนต์ที่ดึงดูดให้คนอยากแชร์ให้เราเอง

การทำคอนเทนต์ที่คนอื่นอยากแชร์ต่อ มันคือการสร้างคุณค่าที่แท้จริง ไม่ใช่แค่การยัดเยียดข้อมูลให้คนอ่าน แต่มันคือการทำให้คนอ่านรู้สึกว่าข้อมูลนี้มีประโยชน์จนอยากบอกต่อให้คนอื่นรู้ด้วย

การทำ Link Building แบบนี้อาจจะต้องใช้เวลาและความพยายามหน่อย แต่รับรองว่าผลลัพธ์ที่ได้มันคุ้มค่าในระยะยาวแน่นอนครับ

การสร้างลิงก์กลับ (Link Building) ที่ดี ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้นนะ ลองหาวิธีที่เหมาะกับเราดูสิ ถ้าอยากให้เว็บปังๆ ลองเข้ามาดูเครื่องมือดีๆ ที่จะช่วยให้การทำ SEO ของคุณง่ายขึ้นเยอะเลยที่ Uneed Digital สิ!

ก็ประมาณนี้แหละครับสำหรับเรื่องราคาแบ็คลิงค์ในปี 2025 ที่เราคุยกันมา หวังว่าข้อมูลพวกนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ เห็นภาพรวมมากขึ้นนะ การทำแบ็คลิงค์มันก็เหมือนการลงทุนอย่างหนึ่งแหละครับ บางทีก็ต้องยอมจ่ายหน่อยเพื่อให้ได้ของดีๆ กลับมา แต่ก็อย่าลืมดูให้ดีๆ ด้วยว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปหรือเปล่า บางทีของถูกๆ อาจจะไม่ได้ดีเสมอไปนะ ลองเอาไปปรับใช้กันดูครับ ขอให้ทุกคนทำ SEO ปังๆ นะ!

การทำแบ็คลิงค์ก็เหมือนกับการให้คนอื่นแนะนำเว็บไซต์ของเราให้เพื่อนๆ ยิ่งมีคนแนะนำเยอะ เว็บไซต์เราก็จะยิ่งน่าเชื่อถือในสายตา Google ทำให้คนค้นหาเจอได้ง่ายขึ้น และมีคนคลิกเข้ามาดูเยอะๆ ค่ะ

ราคาไม่เท่ากันเพราะมันขึ้นอยู่กับว่าลิงค์ที่ได้มาจากเว็บไหนค่ะ ถ้ามาจากเว็บดังๆ มีคนเข้าเยอะๆ หรือเว็บที่เกี่ยวกับเรื่องเดียวกับเรามากๆ ราคาก็จะสูงหน่อย แต่ถ้ามาจากเว็บทั่วไปๆ หรือเว็บที่คนไม่ค่อยเข้า ราคาอาจจะถูกลงมาค่ะ

ส่วนใหญ่แล้ว แบ็คลิงค์ที่มาจากการเขียนบทความลงเว็บอื่น (Guest Post) มักจะมีราคาสูงกว่าแบบอื่นค่ะ เพราะเราต้องสร้างเนื้อหาดีๆ เพื่อให้เว็บนั้นยอมลงให้ และมักจะได้ลิงค์มาจากเว็บที่มีคุณภาพจริงๆ

ถ้าถูกเกินไป อาจจะต้องระวังนะคะ เพราะอาจจะได้ลิงค์จากเว็บที่ไม่ดี หรือเว็บที่ Google ไม่ชอบ ซึ่งอาจจะทำให้เว็บของเราโดน Google ตักเตือน หรืออันดับตกลงไปเลยก็ได้ค่ะ

จริงๆ ไม่มีราคาตายตัวค่ะ ต้องดูว่าเราลงทุนไปแล้ว จะได้อะไรกลับมาบ้าง เช่น มีคนคลิกเข้ามาเว็บเรามากขึ้นไหม หรือเว็บเราติดอันดับดีขึ้นหรือเปล่า ถ้าได้ผลตอบแทนดี ก็ถือว่าคุ้มค่ะ

มีค่ะ ลองสร้างเนื้อหาในเว็บเราให้น่าสนใจมากๆ จนคนอยากแชร์ต่อ หรือลองไปคุยกับเว็บอื่นเพื่อขอแลกลิงค์ หรือลองทำข้อมูลที่คนอื่นเอาไปใช้ต่อได้ง่ายๆ อย่างพวก Infographic ค่ะ

ต้องดูผลงานเก่าๆ ของเขาค่ะ ว่าเคยทำให้เว็บไหนบ้าง แล้วเว็บนั้นดีขึ้นไหม ลองคุยกับเขาดูว่ามีแผนจะทำยังไง แล้วเขาติดต่อสื่อสารกับเราบ่อยแค่ไหน ถ้าดูน่าเชื่อถือ คุยกันรู้เรื่อง ก็สบายใจได้ค่ะ

การมีแบ็คลิงค์ดีๆ เหมือนมีคนโหวตให้เว็บเราเยอะๆ ทำให้ Google มองว่าเว็บเราน่าเชื่อถือและมีประโยชน์ คนเลยอยากเข้ามาดูเยอะๆ พอคนเข้าเยอะ Google ก็จะดันอันดับให้เราสูงขึ้นในหน้าค้นหานั่นเองค่ะ