Google Ads สายเทา: วิธีทำการตลาดออนไลน์ให้ได้ผล โดยไม่ผิดกฎ

การตลาดออนไลน์ด้วย Google Ads

กำลังมองหาวิธีทำการตลาดออนไลน์ให้ธุรกิจของคุณเติบโต แต่ติดปัญหาเรื่องข้อจำกัดของแพลตฟอร์มใช่ไหม? บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ ‘Google Ads สายเทา’ เทคนิคการลงโฆษณาที่อาจจะช่วยให้ธุรกิจของคุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องกฎที่เข้มงวดจนเกินไป เราจะมาดูกันว่ามันคืออะไร ทำอย่างไรให้ได้ผล และมีอะไรที่ต้องระวังบ้าง เตรียมตัวให้พร้อม แล้วมาดูกันเลย!

ข้อคิดสำคัญ

  • Google Ads สายเทา คือ การใช้ Google Ads กับสินค้าหรือบริการที่มีข้อจำกัดบางอย่าง แต่ยังคงอยู่ในขอบเขตที่ Google อนุญาต.
  • การวางแผนที่ดี ทั้งการกำหนดกลุ่มเป้าหมายและเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม เป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จ.
  • สร้างสรรค์โฆษณาให้น่าสนใจ ใช้ข้อความและรูปภาพที่สื่อสารตรงจุด พร้อม Call to Action ที่ชัดเจน.
  • เทคนิคเสริมอย่าง Landing Page ที่ดี และการทำ Remarketing ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณาได้มาก.
  • ต้องศึกษาและทำความเข้าใจกฎของ Google Ads อย่างละเอียดเสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น.

เข้าใจ Google Ads สายเทา คืออะไร

หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า ‘Google Ads สายเทา’ มาบ้างแล้ว แต่จริงๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่? วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจกันแบบง่ายๆ ให้เห็นภาพเลย

นิยาม Google Ads สายเทา ฉบับเข้าใจง่าย

Google Ads สายเทา ก็คือการใช้เครื่องมือโฆษณาของ Google หรือ Google Ads นั่นแหละครับ แต่เอามาใช้กับการตลาดของธุรกิจที่อาจจะไม่ได้อยู่ในหมวดที่ Google สนับสนุนเต็มที่ หรือที่เรียกกันติดปากว่า ‘ธุรกิจสีเทา’ นั่นเองครับ มันไม่ใช่การทำผิดกฎแบบโจ่งแจ้ง แต่เป็นการหาช่องทางทำการตลาดออนไลน์ให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ โดยที่ยังคงพยายามทำให้ถูกต้องตามนโยบายของ Google มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ทำไมธุรกิจสายเทาถึงต้องสนใจ Google Ads

ธุรกิจสายเทาหลายประเภทมีข้อจำกัดในการทำการตลาดออนไลน์สูงมากครับ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ อาจจะบล็อกหรือจำกัดการมองเห็นได้ง่าย แต่ Google Ads ยังเป็นช่องทางที่เปิดกว้างกว่าในบางกรณี ทำให้ธุรกิจเหล่านี้ยังพอมีโอกาสเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่กำลังค้นหาสินค้าหรือบริการของตัวเองอยู่

  • เข้าถึงลูกค้าที่กำลังค้นหา: คนที่ค้นหาบน Google มักจะมีความต้องการที่ชัดเจนอยู่แล้ว การที่เราไปปรากฏตัวตรงนั้น ทำให้เราเจอคนที่ใช่ได้ง่ายขึ้น
  • มีตัวเลือกในการลงโฆษณา: แม้จะมีข้อจำกัด แต่ Google Ads ก็ยังมีรูปแบบโฆษณาและเทคนิคต่างๆ ที่เราสามารถปรับใช้ได้
  • วัดผลได้ชัดเจน: เราสามารถเห็นได้เลยว่าโฆษณาของเราทำงานได้ดีแค่ไหน มีคนคลิกเท่าไหร่ เปลี่ยนเป็นลูกค้าได้เท่าไหร่

ข้อดีของการใช้ Google Ads สำหรับธุรกิจสายเทา

ถึงแม้จะเป็น ‘สายเทา’ แต่การใช้ Google Ads ก็ยังมีข้อดีที่น่าสนใจนะครับ

  • เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง: เราสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายได้ละเอียดมากๆ ทำให้โฆษณาไปถึงคนที่น่าจะเป็นลูกค้าจริงๆ
  • ควบคุมงบประมาณได้: เราสามารถตั้งงบได้ว่าจะจ่ายเท่าไหร่ต่อวัน หรือต่อการคลิก ทำให้การตลาดไม่บานปลาย
  • สร้างความน่าเชื่อถือ: การที่โฆษณาของเราไปปรากฏบนหน้า Google ก็ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าได้ในระดับหนึ่ง
การทำ Google Ads สายเทา ต้องอาศัยความเข้าใจในนโยบายของ Google อย่างลึกซึ้ง และต้องรู้จักปรับตัวให้เข้ากับกฎที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอครับ

วางแผนการตลาด Google Ads สายเทา อย่างไรให้ปัง

ภาพการตลาดออนไลน์ Google Ads สายเทา

การวางแผนที่ดีคือหัวใจสำคัญของการทำ Google Ads สายเทา ให้ได้ผลจริงนะ ไม่ใช่แค่ลงโฆษณาไปเรื่อยๆ แล้วหวังว่าจะปังเอง มันต้องมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนก่อน

กำหนดกลุ่มเป้าหมายให้แม่นยำ

ก่อนอื่นเลย เราต้องรู้ก่อนว่าเรากำลังจะขายของให้ใครกันแน่? กลุ่มเป้าหมายของเรามีอายุเท่าไหร่? สนใจอะไรเป็นพิเศษ? พวกเขาอยู่ที่ไหน? ยิ่งเราเจาะจงกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำเท่าไหร่ โฆษณาของเราก็จะยิ่งมีโอกาสไปถึงคนที่ใช่มากขึ้นเท่านั้น ลองนึกภาพว่าเรากำลังจะยิงปืน ถ้าเราเล็งเป้าหมายให้ดี โอกาสโดนก็สูงกว่ายิงไปมั่วๆ ใช่ไหมล่ะ การกำหนดกลุ่มเป้าหมายก็เหมือนกัน เราต้องรู้ว่าใครคือเป้าหมายของเราจริงๆ

  • อายุ: กลุ่มเป้าหมายของเราอยู่ในช่วงวัยไหน? (เช่น 18-24, 25-34, 35+)
  • เพศ: เน้นผู้ชาย ผู้หญิง หรือทั้งสองเพศ?
  • ความสนใจ: พวกเขาสนใจเรื่องอะไรเป็นพิเศษ? (เช่น สุขภาพ, ความงาม, การเงิน)
  • พฤติกรรม: พวกเขามีพฤติกรรมการซื้อออนไลน์อย่างไร?
  • สถานที่: พวกเขาอาศัยอยู่ที่ไหน?

เลือกคีย์เวิร์ดที่ใช่ ไม่ใช่แค่คำฮิต

หลายคนชอบเลือกคีย์เวิร์ดที่คนค้นหาเยอะๆ คิดว่าคนค้นเยอะแล้วจะดี แต่มันอาจจะไม่ใช่เสมอไปสำหรับธุรกิจสายเทา เราต้องเลือกคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของเราจริงๆ และที่สำคัญคือต้องเป็นคีย์เวิร์ดที่กลุ่มเป้าหมายของเราใช้ค้นหาด้วย ลองคิดดูว่าถ้าเราขายครีมหน้าใส เราจะใช้คีย์เวิร์ดว่า ‘ครีมหน้าใส’ อย่างเดียว หรือจะลองเพิ่ม ‘วิธีลดสิว’ ‘หน้าขาวถาวร’ หรือ ‘รีวิวครีมลดฝ้า’ ด้วยดี? การเลือกคีย์เวิร์ดที่ตรงจุดจะช่วยให้เราเจอคนที่กำลังมองหาสิ่งที่เรามีจริงๆ และลดโอกาสการเสียเงินไปกับคนที่ไม่ได้สนใจ

การเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญในการดึงดูดผู้เข้าชมที่มีคุณภาพ ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มยอดขายและลดค่าใช้จ่ายในการโฆษณาโดยไม่จำเป็น

ตั้งงบประมาณให้เหมาะสมกับธุรกิจ

เรื่องงบประมาณนี่สำคัญมากนะ เราต้องรู้ก่อนว่าเรามีงบเท่าไหร่ที่จะลงกับการทำ Google Ads ในแต่ละเดือน แล้วก็ต้องแบ่งงบให้ดีว่าจะลงกับแคมเปญไหนบ้าง ไม่ใช่ทุ่มไปกับแคมเปญเดียวหมด ถ้าเพิ่งเริ่มต้น อาจจะลองใช้งบไม่เยอะก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มเมื่อเห็นผลลัพธ์ที่ดี การตั้งงบประมาณที่สมเหตุสมผลจะช่วยให้เราควบคุมค่าใช้จ่ายได้ และไม่ทำให้ธุรกิจของเราเดือดร้อน ลองดูว่าคู่แข่งเขาใช้งบประมาณประมาณไหน หรือเราตั้งเป้าหมายยอดขายไว้เท่าไหร่ แล้วค่อยคำนวณงบที่ต้องใช้ การทำความเข้าใจเรื่อง ค่าโฆษณา Google Ads จะช่วยให้เราวางแผนได้ดีขึ้นเยอะเลย

สร้างสรรค์โฆษณา Google Ads สายเทา ที่ดึงดูดใจ

มาถึงส่วนสำคัญแล้วนะ! การจะทำให้โฆษณา Google Ads สายเทาของเราโดดเด่นและมีคนอยากคลิกเนี่ย มันต้องมีเทคนิคหน่อย

เขียนข้อความโฆษณาให้น่าคลิก

ข้อความโฆษณาคือด่านแรกที่จะเจอกับลูกค้าเลยนะ ถ้าเขียนไม่ดีก็ไม่มีใครอยากคลิกหรอก ลองดูเทคนิคพวกนี้:

  • เน้นประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ: ลูกค้าอยากรู้ว่าคลิกมาแล้วจะได้อะไร ไม่ใช่แค่บอกว่าเรามีอะไรขาย
  • ใช้คำที่กระตุ้นความรู้สึก: คำบางคำมันทำให้คนอยากรู้ อยากเห็น หรือรู้สึกว่าต้องรีบคว้าไว้
  • สร้างความแตกต่าง: บอกไปเลยว่าทำไมเราถึงดีกว่าที่อื่น หรือมีอะไรที่พิเศษกว่า
  • ใส่คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง: ช่วยให้ Google เข้าใจว่าโฆษณาเราเกี่ยวกับอะไร และแสดงให้คนที่ค้นหาตรงๆ
จำไว้ว่า ข้อความโฆษณาที่ดีต้องสั้น กระชับ และตรงประเด็นที่สุด

เลือกรูปภาพหรือวิดีโอที่สื่อสารตรงจุด

รูปภาพหรือวิดีโอเนี่ย มันช่วยดึงดูดสายตาได้ดีมากเลยนะ ยิ่งถ้าเป็นธุรกิจสายเทา การเลือกภาพที่เหมาะสมยิ่งสำคัญ

  • ภาพต้องชัดเจนและน่าสนใจ: อย่าใช้ภาพเบลอๆ หรือดูไม่น่าไว้ใจ
  • สื่อถึงสินค้าหรือบริการ: คนเห็นแล้วต้องรู้เลยว่าเกี่ยวกับอะไร
  • หลีกเลี่ยงภาพที่อาจละเมิดนโยบาย: อันนี้สำคัญมากนะ เดี๋ยวจะโดนแบนเอา
  • ถ้าเป็นวิดีโอ: ทำให้สั้นๆ เข้าใจง่าย และมีจุดเด่นที่น่าจดจำ

ใช้ Call to Action ที่กระตุ้นการตัดสินใจ

หลังจากที่ลูกค้าอ่านข้อความโฆษณา ดูรูปภาพแล้ว ก็ต้องบอกเขาไปเลยว่าอยากให้ทำอะไรต่อ Call to Action หรือ CTA เนี่ยแหละคือตัวช่วย

  • บอกให้ชัดเจน: เช่น "สั่งซื้อเลย", "ดูรายละเอียดเพิ่มเติม", "สมัครสมาชิกฟรี"
  • สร้างความเร่งด่วน: เช่น "โปรโมชั่นถึงสิ้นเดือนนี้", "เหลือจำนวนจำกัด"
  • ทำให้ง่าย: ปุ่มหรือลิงก์ต้องกดง่าย เห็นชัดเจน

เทคนิคการทำ Google Ads สายเทา ให้ได้ผลจริง

ภาพการตลาดออนไลน์ Google Ads สายเทา

พอเราวางแผนมาดีแล้ว สร้างโฆษณาโดนใจแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการทำให้มันทำงานได้จริงและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนะ มาดูกันว่ามีเทคนิคอะไรบ้างที่ช่วยให้แคมเปญ Google Ads สายเทาของเราปังกว่าเดิม

การทำ Landing Page ที่รองรับ

เรื่องนี้สำคัญมากนะ เพราะต่อให้โฆษณาเราดีแค่ไหน แต่ถ้าคนคลิกเข้ามาแล้วเจอหน้าเว็บที่โหลดช้า รูปไม่ขึ้น หรือข้อมูลสับสน ก็เตรียมตัวเสียลูกค้าไปได้เลย สำหรับธุรกิจสายเทา การมี Landing Page ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับแคมเปญนั้นๆ จะช่วยได้เยอะเลยนะ

  • โหลดเร็ว: ไม่มีใครอยากรอหน้าเว็บนานๆ ยิ่งถ้าเป็นมือถือ ยิ่งต้องเร็วเข้าไปใหญ่
  • ข้อมูลชัดเจน: บอกเลยว่าสินค้าหรือบริการเราคืออะไร มีอะไรดี ทำไมต้องซื้อ
  • ออกแบบง่ายๆ แต่ดูดี: ไม่ต้องหรูหรามาก แต่ต้องดูน่าเชื่อถือ และใช้งานง่าย
  • รองรับมือถือ: คนส่วนใหญ่ใช้มือถือเข้าเว็บนะ อันนี้ห้ามมองข้ามเด็ดขาด
การมี Landing Page ที่ดี ไม่ใช่แค่สวยงาม แต่ต้องตอบโจทย์ผู้ใช้งานและเป้าหมายของแคมเปญด้วยนะ

การใช้ Remarketing เพื่อดึงลูกค้าเก่า

เคยไหม? เข้าเว็บนั้นเว็บนี้ดูของไปเรื่อยๆ แล้วพอไปเปิดเว็บอื่น หรือเล่นโซเชียล ก็เจอโฆษณาของที่เราเคยดูกลับมาอีก นั่นแหละคือ Remarketing หรือ Retargeting เป็นการตามติดลูกค้าที่เคยสนใจเราแล้ว แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อ

สำหรับธุรกิจสายเทา วิธีนี้เวิร์คมาก เพราะลูกค้าอาจจะยังลังเล หรือกำลังเปรียบเทียบอยู่ การที่เราไปปรากฏตัวซ้ำๆ ด้วยโฆษณาที่น่าสนใจ จะช่วยย้ำเตือนและกระตุ้นให้เขากลับมาซื้อได้ง่ายขึ้น ลองตั้งค่าให้แสดงโฆษณาเฉพาะคนที่เคยเข้าเว็บเรา หรือเคยดูสินค้าบางอย่างไปแล้วดูสิ

การทดสอบ A/B Testing เพื่อหาโฆษณาที่ดีที่สุด

เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าโฆษณาแบบไหนจะเวิร์คที่สุด ถ้าไม่ลองทดสอบดู A/B Testing คือการสร้างโฆษณา 2 แบบที่แตกต่างกันเล็กน้อย (เช่น หัวข้อต่างกัน รูปต่างกัน หรือข้อความ Call to Action ต่างกัน) แล้วปล่อยให้ Google แสดงผลสลับกันไป เพื่อดูว่าแบบไหนได้ผลดีกว่ากัน

  • ทดสอบหัวข้อโฆษณา (Headline)
  • ทดสอบรูปภาพหรือวิดีโอ
  • ทดสอบข้อความโฆษณา (Description)
  • ทดสอบปุ่ม Call to Action

การทำแบบนี้จะช่วยให้เราปรับปรุงโฆษณาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่ากับงบประมาณที่ลงไปจริงๆ นะ

ข้อควรระวังและกฎเหล็ก Google Ads สายเทา

เรื่องนี้สำคัญมากนะ! การทำ Google Ads สายเทาเนี่ย มันมีเส้นบางๆ กั้นอยู่ระหว่าง ‘ทำได้’ กับ ‘โดนแบน’ เราต้องรู้ให้ทัน ไม่งั้นเงินที่ลงไปอาจจะเสียเปล่าเลยนะ

สินค้าหรือบริการที่ Google ไม่อนุญาต

ก่อนอื่นเลย ต้องเช็คลิสต์ให้ดีว่าสินค้าหรือบริการของเราอยู่ในข่ายที่ Google เขาไม่ให้ลงโฆษณาหรือเปล่า พวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นอะไรที่เกี่ยวกับสุขภาพที่ดูเกินจริง, การพนัน, อาวุธ, ยาเสพติด, หรืออะไรที่ผิดกฎหมายชัดเจน ถ้าไม่แน่ใจ ลองเข้าไปดูในนโยบายโฆษณาของ Google ก่อนนะ จะได้ไม่พลาด

  • สินค้าที่อ้างสรรพคุณเกินจริง (เช่น ยาลดน้ำหนักที่บอกว่าเห็นผลใน 3 วัน)
  • บริการที่ผิดกฎหมาย หรือส่งเสริมการทำผิดกฎหมาย
  • สินค้าที่เกี่ยวกับความรุนแรง หรือการเหยียดเชื้อชาติ
  • การพนันออนไลน์ (ยกเว้นบางประเทศที่อนุญาต)

การหลีกเลี่ยงการใช้คำต้องห้าม

คำบางคำนี่แหละตัวดีเลยที่ทำให้โฆษณาเราโดนตีตก หรือหนักกว่านั้นคือโดนแบนถาวร พวกคำที่ดูเหมือนจะหลอกลวง, คำที่ทำให้คนเข้าใจผิด, หรือคำที่เกี่ยวกับเรื่องเพศแบบโจ่งแจ้ง Google เขาไม่ชอบนะ

ต้องระวังคำที่ใช้ในโฆษณาให้ดีมากๆ เพราะมันส่งผลโดยตรงต่อการอนุมัติเลย

  • คำที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง เช่น ‘ดีที่สุด’, ‘หายขาด’, ‘เห็นผลทันที’
  • คำที่ส่อไปในทางเพศ หรือความรุนแรง
  • คำที่ทำให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ
การใช้คำที่ดูเหมือนจะ ‘เทาๆ’ หรือ ‘สีเทา’ มากเกินไป อาจจะทำให้ Google มองว่าเราพยายามเลี่ยงกฎ ซึ่งสุดท้ายก็อาจจะโดนลงโทษได้

การปรับปรุงโฆษณาให้สอดคล้องกับนโยบาย

ถ้าโฆษณาเราโดนตีตกไปแล้ว อย่าเพิ่งท้อนะ ลองกลับมาดูว่าผิดตรงไหน แล้วก็ปรับแก้ให้ตรงตามนโยบายของ Google ก่อนที่จะส่งไปใหม่ การทำแบบนี้จะช่วยให้เราเรียนรู้และทำโฆษณาได้ดีขึ้นในระยะยาว

  • อ่านเหตุผลที่โฆษณาไม่ผ่านอย่างละเอียด
  • แก้ไขข้อความ รูปภาพ หรือหน้า Landing Page ให้ตรงตามนโยบาย
  • ส่งโฆษณาที่แก้ไขแล้วกลับไปให้ Google ตรวจสอบอีกครั้ง

วัดผลและปรับปรุงแคมเปญ Google Ads สายเทา

ภาพการตลาดออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จ

พอทำโฆษณาไปแล้ว สิ่งสำคัญที่ห้ามมองข้ามเด็ดขาดเลยก็คือการวัดผลนี่แหละครับ เพราะถ้าไม่รู้ว่าอะไรเวิร์ค อะไรไม่เวิร์ค ก็เหมือนเราเดินหลงทางในป่า หาทางออกไม่เจอสักที การวัดผลจะช่วยให้เรารู้ว่าเงินที่เราลงไปมันคุ้มค่าไหม แล้วจะปรับปรุงตรงไหนให้ดีขึ้นได้อีกบ้าง

ตัวชี้วัดสำคัญที่ต้องจับตา

เวลาดูผลโฆษณา Google Ads เนี่ย มีหลายอย่างที่ต้องดูนะ แต่ที่สำคัญจริงๆ ที่เราควรโฟกัสก็จะมีประมาณนี้:

  • ยอดคลิก (Clicks): คนเห็นโฆษณาเราเยอะแค่ไหน แล้วมีคนสนใจคลิกเข้ามาดูเท่าไหร่
  • อัตราการคลิกผ่าน (CTR – Click-Through Rate): อันนี้คือเปอร์เซ็นต์ของคนที่เห็นโฆษณาแล้วคลิกเข้ามา เทียบกับจำนวนคนที่เห็นทั้งหมด ถ้า CTR สูงๆ แสดงว่าโฆษณาเราน่าสนใจ
  • จำนวนการแสดงผล (Impressions): โฆษณาเราแสดงให้คนเห็นไปกี่ครั้ง
  • ราคาต่อคลิก (CPC – Cost Per Click): เราจ่ายเงินเท่าไหร่ต่อการคลิกหนึ่งครั้ง
  • ยอดการแปลง (Conversions): อันนี้สำคัญสุดๆ เลย คือการที่คนคลิกเข้ามาแล้วทำในสิ่งที่เราต้องการ เช่น ซื้อของ สมัครสมาชิก หรือกรอกฟอร์ม ยิ่งเยอะยิ่งดี
  • อัตราการแปลง (Conversion Rate): เปอร์เซ็นต์ของคนที่คลิกเข้ามาแล้วเกิดการแปลง เทียบกับจำนวนคลิกทั้งหมด
  • ต้นทุนต่อการแปลง (CPA – Cost Per Acquisition): เราต้องจ่ายเงินเท่าไหร่เพื่อให้ได้ลูกค้ามาหนึ่งคน หรือเพื่อให้เกิดการแปลงหนึ่งครั้ง

วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาจุดที่ต้องปรับปรุง

พอได้ตัวเลขพวกนี้มาแล้ว ก็ต้องมานั่งดูกันว่ามันบอกอะไรเราบ้าง ลองดูตามนี้:

  • โฆษณาไหนคนคลิกเยอะ CTR สูง? แสดงว่าข้อความ รูปภาพ หรือคีย์เวิร์ดที่เราใช้มันโดนใจกลุ่มเป้าหมายนะ โฆษณาพวกนี้แหละที่เราควรจะเน้น
  • โฆษณาไหนคลิกแล้วไม่เกิด Conversion? อาจจะเป็นเพราะ Landing Page เราไม่ตรงกับโฆษณา หรือว่ากลุ่มเป้าหมายที่เราเลือกมันยังไม่ชัดเจนพอ
  • คีย์เวิร์ดไหนที่ทำให้เกิด Conversion เยอะ? คีย์เวิร์ดพวกนี้แหละคือขุมทรัพย์ของเรา ควรจะเพิ่มงบประมาณให้มัน หรือหาคีย์เวิร์ดที่คล้ายๆ กันมาใช้เพิ่ม
  • คีย์เวิร์ดไหนที่คลิกเยอะแต่ไม่เกิด Conversion? อาจจะต้องลองปรับปรุงข้อความโฆษณา หรือไม่ก็ตัดคีย์เวิร์ดพวกนี้ออกไปเลยก็ได้
การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของแคมเปญได้ชัดเจนขึ้น และสามารถตัดสินใจปรับปรุงได้อย่างตรงจุด ไม่ต้องเดาสุ่มไปเรื่อยๆ ครับ

การปรับกลยุทธ์ตามผลลัพธ์ที่ได้

เมื่อเราวิเคราะห์ข้อมูลจนเห็นแนวโน้มแล้ว ก็ถึงเวลาปรับกลยุทธ์กันจริงจังแล้วครับ:

  1. เพิ่มงบประมาณ ให้กับโฆษณา คีย์เวิร์ด หรือกลุ่มเป้าหมายที่ทำผลงานได้ดี
  2. ปรับปรุงหรือหยุด โฆษณา คีย์เวิร์ด หรือกลุ่มเป้าหมายที่ผลงานไม่ดี หรือมีต้นทุนสูงเกินไป
  3. ทดสอบ A/B Testing กับองค์ประกอบต่างๆ เช่น หัวข้อโฆษณา รูปภาพ หรือปุ่ม Call to Action เพื่อหาเวอร์ชันที่ดีที่สุด
  4. ปรับปรุง Landing Page ให้สอดคล้องกับโฆษณามากขึ้น และทำให้ผู้ใช้งานตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
  5. ขยายผล โดยการหาคีย์เวิร์ดใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ที่มีแนวโน้มจะสนใจสินค้าหรือบริการของเรา

เครื่องมือช่วยทำ Google Ads สายเทา ให้ง่ายขึ้น

การทำ Google Ads สายเทาให้ปังเนี่ย มันก็มีเครื่องไม้เครื่องมือดีๆ หลายอย่างเลยนะ ที่จะช่วยให้งานของเราง่ายขึ้นเยอะ ไม่ต้องมานั่งปวดหัวเองให้เสียเวลา ลองมาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

เครื่องมือวิเคราะห์คีย์เวิร์ด

การหาคีย์เวิร์ดที่ใช่เป็นหัวใจสำคัญเลยนะ ถ้าเลือกผิด ชีวิตเปลี่ยน! เครื่องมือพวกนี้จะช่วยให้เราเห็นภาพว่าคนเค้าค้นหาอะไรกันบ้าง แล้วคำไหนมีคนใช้เยอะ คำไหนคู่แข่งยังไม่ค่อยเล่น

  • Google Keyword Planner: อันนี้ฟรีจาก Google เลยนะ ใช้งานง่าย เห็นปริมาณการค้นหาและระดับการแข่งขัน เหมาะสำหรับมือใหม่สุดๆ
  • SEMrush / Ahrefs: อันนี้จะโปรขึ้นมาหน่อย เสียเงิน แต่ข้อมูลแน่นปึ้ก วิเคราะห์ได้ลึกกว่าเยอะ เห็นทั้งคีย์เวิร์ดของคู่แข่งด้วย
  • Keyword Everywhere: เป็นส่วนเสริมใน Chrome ใช้ง่าย เห็นข้อมูลคีย์เวิร์ดแบบเรียลไทม์ตอนที่เราค้นหาเลย สะดวกดี

เครื่องมือสร้าง Landing Page

พอคนคลิกโฆษณามาแล้ว จะพาไปไหนล่ะ? Landing Page นี่แหละคือด่านสุดท้ายที่จะเปลี่ยนคนดูให้เป็นลูกค้า ถ้า Landing Page ไม่ดี โฆษณาดีแค่ไหนก็เสียเปล่า

  • Unbounce / Leadpages: เครื่องมือพวกนี้มีเทมเพลตสวยๆ ให้เลือกเยอะ ไม่ต้องมีความรู้เรื่องโค้ดก็สร้างหน้าเว็บสวยๆ ได้ง่ายๆ แถมยังปรับแต่งให้เข้ากับมือถือได้ดีด้วย
  • Instapage: คล้ายๆ กัน แต่เน้นเรื่องการทำ A/B Testing เพื่อหาหน้าเว็บที่เวิร์คที่สุดได้ดี
  • WordPress + Elementor/Divi: ถ้ามีเว็บ WordPress อยู่แล้ว ลองใช้ปลั๊กอินพวกนี้ดู ก็สร้าง Landing Page ได้เหมือนกัน ประหยัดไปอีกทาง

เครื่องมือติดตามผลโฆษณา

ทำโฆษณาไปแล้ว ไม่รู้ว่าได้ผลไหม? ก็เหมือนยิงปืนไร้เป้าหมายนะ เครื่องมือพวกนี้จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมว่าเงินที่ลงไปเนี่ย มันคุ้มค่าหรือเปล่า

  • Google Analytics: อันนี้ต้องมี! ฟรี! ดูได้ทุกอย่างตั้งแต่คนเข้าเว็บมาจากไหน ทำอะไรบ้างบนเว็บเรา ยอดขายเป็นไง
  • Google Ads Conversion Tracking: ตั้งค่าใน Google Ads เลย เพื่อให้รู้ว่าโฆษณาตัวไหนที่ทำให้เกิดยอดขายจริงๆ
  • Facebook Pixel (ถ้าใช้ควบคู่): ถึงจะเป็น Google Ads แต่ถ้ามีทำ Facebook ด้วย การติด Pixel ไว้ก็ช่วยให้เห็นภาพรวมของลูกค้าได้ดีขึ้น
การเลือกใช้เครื่องมือให้ถูกกับงาน จะช่วยประหยัดเวลาและทำให้การทำ Google Ads สายเทาของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้นเยอะเลยนะ ลองเลือกที่เหมาะกับงบและสไตล์การทำงานของเราดู

อยากทำ Google Ads ให้ง่ายขึ้นไหม? บทความนี้มีเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้การลงโฆษณาของคุณไม่ยุ่งยากอีกต่อไป ลองเข้ามาดูเครื่องมือเจ๋งๆ ที่จะทำให้งาน Google Ads ของคุณเป็นเรื่องหมูๆ ได้เลย!

เรามีเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณจัดการโฆษณาได้สะดวกขึ้นเยอะ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่า การวิเคราะห์ หรือการปรับปรุงแคมเปญต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ลองเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเพื่อค้นพบโซลูชันที่จะทำให้ Google Ads ของคุณปังกว่าเดิม!

สรุปแล้ว... ทำ Google Ads สายเทา ยังไงให้รอด?

ก็เป็นไงกันบ้างครับกับเทคนิคการทำ Google Ads แบบที่เขาว่ากันว่า ‘สายเทา’ แต่จริงๆ แล้วมันก็คือการทำการตลาดออนไลน์แบบฉลาดๆ ที่เราต้องรู้กฎนิดหน่อย ไม่งั้นเดี๋ยวจะโดนแบนเอาได้นะ จำง่ายๆ เลยคือ เราต้องเน้นที่สินค้าหรือบริการของเราจริงๆ ว่ามันดี ยังไง แก้ปัญหาให้ลูกค้าได้ตรงจุดไหน แล้วก็เขียนโฆษณาให้มันดูน่าเชื่อถือ ไม่ใช่แบบหลอกลวงอะไรแบบนั้นแหละครับ ที่สำคัญคือต้องคอยดูผลลัพธ์ตลอดเวลาด้วยนะ ถ้าอันไหนเวิร์คก็ทำต่อ อันไหนไม่เวิร์คก็ปรับปรุงกันไป ทำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็จับทางได้เองแหละ สู้ๆ ครับทุกคน!

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Google Ads สายเทา

Google Ads สายเทา คืออะไร?

Google Ads สายเทา คือ การใช้โฆษณาของ Google เพื่อโปรโมทสินค้าหรือบริการที่อาจจะไม่ได้ตรงไปตรงมา หรืออยู่ในกลุ่มที่ Google อาจจะเข้มงวดหน่อย แต่เราก็ยังสามารถทำได้ถ้าทำถูกกฎ

ทำไมธุรกิจที่ดูเหมือน 'สายเทา' ถึงต้องสนใจ Google Ads?

เพราะถึงแม้จะเป็นธุรกิจที่ดูไม่ปกติ แต่คนก็ยังค้นหาอยู่ การใช้ Google Ads ช่วยให้คนที่กำลังมองหาสินค้าหรือบริการของเราเจอเราได้ง่ายขึ้น

ข้อดีของการใช้ Google Ads สำหรับธุรกิจกลุ่มนี้มีอะไรบ้าง?

ข้อดีคือ เราสามารถเข้าถึงลูกค้าที่กำลังสนใจจริงๆ ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้มีโอกาสขายของได้มากขึ้น และยังวัดผลได้ว่าโฆษณาของเราได้ผลแค่ไหน

จะเลือกคำค้นหา (คีย์เวิร์ด) อย่างไรให้เหมาะกับธุรกิจ 'สายเทา'?

ต้องเลือกคำที่คนใช้จริงๆ เวลาค้นหา แต่ก็ต้องดูด้วยว่าคำนั้นไม่ผิดกฎของ Google และต้องไม่แรงเกินไป อาจจะต้องลองหาคำที่คนใช้กันเยอะๆ แต่ไม่ตรงตัวเกินไป

ต้องเตรียมเงินเท่าไหร่ถึงจะเริ่มทำ Google Ads ได้?

จริงๆ แล้วเราตั้งงบได้ตามที่เรามีเลย เริ่มจากน้อยๆ ก่อนก็ได้ แล้วค่อยๆ เพิ่มเมื่อเห็นว่าโฆษณาของเราเริ่มได้ผล

เขียนข้อความโฆษณาอย่างไรให้น่าสนใจและไม่โดนแบน?

ต้องเขียนให้ดึงดูดใจลูกค้า แต่ต้องระวังไม่ใช้คำที่ Google ห้าม หรือคำที่ทำให้ดูไม่น่าเชื่อถือ อาจจะเน้นที่ประโยชน์ที่จะได้รับ หรือความพิเศษของสินค้า/บริการของเรา

มีสินค้าอะไรบ้างที่ Google ไม่อนุญาตให้ลงโฆษณา?

มีหลายอย่างเลย เช่น ยาบางชนิด การพนัน อาวุธ หรือบริการที่ผิดกฎหมายต่างๆ เราต้องเช็คให้ดีก่อนลงโฆษณา

จะรู้ได้อย่างไรว่าโฆษณาของเราได้ผล?

ต้องคอยดูตัวเลขต่างๆ เช่น มีคนคลิกโฆษณาเรากี่คน มีคนซื้อของหรือติดต่อเราหลังจากเห็นโฆษณาไหม ถ้าตัวเลขไม่ดี ก็ต้องลองปรับปรุงโฆษณาของเราดู

ลดทุกคำสั่งซื้อครั้งแรก

สามารถใช้ได้กับบริการที่มีราคา 1000 บาท

%10
ลด 10%กับการสั่งซื้อครั้งแรก
Code: UNEED25
1 ก.พ 68 - 15 ธ.ค 68

By subscribing you agree with our Terms & Conditions and Privacy Policy.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า
error: Content is protected !!
Shopping Cart (0)

No products in the cart. No products in the cart.


Shop by Category See All