หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับ Google Search Console (GSC) ในฐานะเครื่องมือที่ช่วยตรวจสอบสุขภาพเว็บไซต์ แต่รู้ไหมว่า GSC นี่แหละคือขุมทรัพย์ชั้นดีที่จะช่วยให้เราหา ‘คำ’ ที่คนใช้ค้นหาแล้วเจอเว็บเราได้เยอะแยะเลย ถ้าอยากให้เว็บติดอันดับดีขึ้นแบบก้าวกระโดด การรู้จักวิธีต่อยอด Keyword จาก Google Search Console คือสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยนะ บทความนี้จะพาไปดูกันว่าเราจะดึงข้อมูลจาก GSC มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไรบ้าง
Key Takeaways
- Google Search Console เป็นเครื่องมือฟรีที่ช่วยให้เห็นว่าคนค้นหาอะไรแล้วเจอเว็บไซต์ของเราบ้าง
- เราสามารถใช้ข้อมูลใน GSC เพื่อดูว่า Keyword ไหนที่คนคลิกเข้ามาเยอะ หรือ Keyword ไหนที่คนเห็นเยอะแต่ยังไม่คลิก
- การหา Keyword ที่มี Impression สูงแต่ Click น้อย คือโอกาสที่ดีในการปรับปรุงเนื้อหาให้คนสนใจมากขึ้น
- เมื่อได้ Keyword ที่ดีแล้ว ควรนำไปปรับปรุง Title, Meta Description และเนื้อหาให้ตรงกับที่คนค้นหา
- อย่าลืมติดตามผลลัพธ์หลังปรับปรุง Keyword เพื่อดูว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นช่วยให้เว็บติดอันดับดีขึ้นจริงไหม
ทำความรู้จัก Google Search Console ให้มากขึ้น
หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อ Google Search Console (GSC) กันมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่ามันคืออะไรกันแน่ หรือมีประโยชน์กับเว็บไซต์ของเรายังไงบ้าง วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ GSC แบบเจาะลึกกันเลยครับ
Google Search Console หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า GSC เนี่ย มันคือเครื่องมือฟรีจาก Google ที่ช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์สามารถตรวจสอบและจัดการการแสดงผลเว็บไซต์ของตัวเองในผลการค้นหาของ Google ได้ พูดง่ายๆ ก็คือ มันเป็นเหมือนกับหน้าต่างที่ทำให้เรามองเห็นว่า Google มองเว็บไซต์ของเรายังไงบ้าง มันช่วยให้เราเข้าใจว่าคนหาอะไรถึงเจอเรา และเราควรปรับปรุงอะไรเพื่อให้คนหาเราเจอได้ง่ายขึ้น
GSC มีประโยชน์เยอะมากเลยนะ ถ้าเราใช้มันเป็น มันไม่ใช่แค่บอกว่าเว็บไซต์เราติดอันดับอะไรบ้าง แต่มันยังบอกอะไรอีกเยอะแยะเลย เช่น:
- ดูว่ามีคนค้นหาคำว่าอะไรแล้วเจอเว็บไซต์เรา: อันนี้สำคัญมาก เพราะมันทำให้เรารู้ว่าคนกำลังสนใจอะไรเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของเรา
- ดูว่าหน้าไหนของเว็บเราที่คนคลิกเข้ามาดูเยอะที่สุด: ช่วยให้เรารู้ว่าเนื้อหาแบบไหนที่คนชอบ
- ตรวจสอบปัญหาทางเทคนิค: เช่น เว็บไซต์โหลดช้า, มีหน้าเว็บที่ Google อ่านไม่ออก หรือมีปัญหาเรื่องความปลอดภัย GSC จะแจ้งเตือนเราเลย
- ดูว่ามีเว็บไซต์อื่นลิงก์มาหาเราเยอะแค่ไหน: การมีลิงก์เข้ามาเยอะๆ เป็นสัญญาณที่ดีต่อ SEO นะ
- ส่งแผนผังเว็บไซต์ (Sitemap) ให้ Google: เพื่อให้ Google เข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์ของเราและเก็บข้อมูลได้เร็วขึ้น
จริงๆ แล้ว GSC เป็นเหมือนเพื่อนคู่คิดของคนทำ SEO เลยก็ว่าได้นะ ถ้าเราหมั่นเข้ามาดูข้อมูลและนำไปปรับปรุง เว็บไซต์ของเราก็จะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ แบบก้าวกระโดดเลยล่ะ
เจาะลึกข้อมูล Keyword ที่ใช่ใน GSC
พอเข้ามาใน Google Search Console แล้วเนี่ย สิ่งแรกที่เราต้องรีบไปดูเลยก็คือข้อมูล Keyword นี่แหละ เพราะมันคือขุมทรัพย์ชั้นดีที่จะบอกเราว่าจริงๆ แล้วคนกำลังหาอะไรกันอยู่ แล้วเว็บไซต์ของเราไปโผล่ในผลการค้นหาเหล่านั้นได้ยังไงบ้าง
ใน GSC เนี่ย มันจะมีรายงานที่ชื่อว่า ‘ประสิทธิภาพ’ (Performance) อยู่ ให้เราเข้าไปดูตรงนั้นเลยนะ มันจะแสดงรายการ Keyword ที่คนใช้ค้นหาแล้วเจอหน้าเว็บของเรา แสดงจำนวนคลิก (Clicks) จำนวนครั้งที่หน้าเว็บเราแสดงผล (Impressions) อัตราการคลิก (CTR) และอันดับเฉลี่ย (Average Position) ของแต่ละ Keyword เลย
- Clicks: จำนวนคนที่คลิกเข้ามาที่เว็บเราจาก Keyword นั้นๆ
- Impressions: จำนวนครั้งที่หน้าเว็บเราแสดงขึ้นมาในผลการค้นหา (คนเห็น แต่ยังไม่ได้คลิก)
- CTR: เปอร์เซ็นต์ของคนที่เห็นแล้วคลิกเข้ามา ยิ่งสูงยิ่งดี
- Average Position: อันดับเฉลี่ยของ Keyword นั้นๆ ในหน้าผลการค้นหา
ลองไล่ดูดีๆ นะ บางทีเราอาจจะเจอ Keyword ที่เราไม่เคยคิดว่าจะติดอันดับมาก่อนก็ได้
พอเห็นลิสต์ Keyword แล้ว ก็ต้องมาวิเคราะห์กันหน่อยว่าตัวไหนมันเวิร์ค ตัวไหนยังต้องปรับปรุง
- Keyword ที่มี Impressions สูง แต่ Clicks น้อย: พวกนี้แสดงว่าคนเห็นเยอะนะ แต่ไม่ค่อยคลิกเข้ามา อาจจะเป็นเพราะ Title หรือ Description ของเรามันไม่น่าสนใจพอ หรืออาจจะยังไม่ตรงกับสิ่งที่คนอยากรู้จริงๆ
- Keyword ที่มี Clicks สูง แต่ Impressions น้อย: อันนี้ก็ดีนะ แสดงว่าคนคลิกเข้ามาเยอะเมื่อเห็น แต่ปัญหาคือคนเห็นน้อย อาจจะต้องปรับปรุงให้มันแสดงผลในอันดับที่ดีขึ้น หรือหาทางให้มันแสดงผลบ่อยขึ้น
- Keyword ที่มี CTR สูง: ยินดีด้วย! พวกนี้คือ Keyword ที่เราทำได้ดี คนเห็นแล้วคลิกเข้ามาเยอะ แสดงว่า Title, Description และเนื้อหาของเราน่าจะตรงใจคนค้นหา
- Keyword ที่มี Average Position กลางๆ (เช่น อันดับ 5-15): พวกนี้มีโอกาสที่จะดันให้ขึ้นไปอยู่หน้าแรกได้ง่ายกว่า Keyword ที่อยู่อันดับท้ายๆ
การดูข้อมูลพวกนี้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เราเห็นภาพรวมว่า Keyword ไหนกำลังทำผลงานได้ดี และ Keyword ไหนที่ยังเป็นจุดที่เราต้องเข้าไปแก้ไขปรับปรุง เพื่อให้เว็บไซต์ของเรามีประสิทธิภาพ SEO ที่ดีขึ้นในระยะยาว
หาโอกาสทองจาก Keyword ที่ยังไม่ติดอันดับ
หลายครั้งที่เราอาจจะมองข้าม Keyword ที่มีศักยภาพไป เพราะคิดว่ามันยังไม่ทำเงิน หรือยังไม่ติดอันดับดีๆ แต่จริงๆ แล้ว GSC มีข้อมูลที่บอกใบ้ถึงโอกาสที่เราจะไปคว้ามาได้นะ ลองมาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้าง
มองหา Keyword ที่มี Impression สูงแต่ Click น้อย
เคยสังเกตไหมว่ามีบาง Keyword ที่คนค้นหาเยอะ (Impression สูง) แต่เว็บไซต์เรากลับไม่ค่อยมีคนคลิกเข้าไปดู (Click น้อย) นั่นอาจเป็นเพราะว่าเนื้อหาของเรายังไม่ตรงกับสิ่งที่คนค้นหาจริงๆ หรืออาจจะยังไม่ได้ทำคอนเทนต์เกี่ยวกับ Keyword นั้นเลยก็ได้
- ลองเข้าไปดูในรายงาน Performance ของ GSC แล้วเลือกดูข้อมูลตาม Query (คำค้นหา)
- จัดเรียงผลลัพธ์ตาม Impression จากมากไปน้อย
- สังเกต Keyword ที่มี Impression สูงๆ แต่มี CTR (อัตราการคลิก) ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของเว็บไซต์
ข้อมูลพวกนี้เหมือนเป็นสัญญาณบอกเราว่า มีคนสนใจเรื่องนี้เยอะนะ แต่เรายังตอบสนองเขาได้ไม่ดีพอ หรือยังไม่ได้นำเสนอในมุมที่เขาต้องการ ลองคิดดูว่าเราจะปรับปรุงเนื้อหาเดิม หรือสร้างเนื้อหาใหม่ที่ตอบโจทย์คำค้นหาเหล่านี้ได้ยังไงบ้าง
ค้นหา Keyword ที่เกี่ยวข้องแต่ยังไม่ได้ใช้
บางทีเราอาจจะโฟกัสอยู่กับ Keyword หลักๆ จนลืมไปว่ายังมีคำค้นหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องและมีคนใช้ค้นหาอยู่เหมือนกัน ซึ่ง GSC ก็ช่วยให้เราเห็นภาพนี้ได้เหมือนกันนะ
- ดู Keyword ที่เกี่ยวข้องกับหน้าเว็บของเรา: ในรายงาน Performance ลองกรองดูเฉพาะหน้าเว็บที่เราต้องการปรับปรุง แล้วดูว่ามีคำค้นหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับหน้านั้นๆ ไหม
- ใช้เครื่องมืออื่นๆ ช่วย: ลองเอา Keyword หลักที่เรามี ไปใส่ในเครื่องมืออย่าง Google Trends หรือเครื่องมือวิเคราะห์ Keyword อื่นๆ เพื่อหาคำที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
- วิเคราะห์คู่แข่ง: ดูว่าคู่แข่งที่ติดอันดับดีๆ เขาใช้ Keyword อะไรกันบ้างที่เกี่ยวกับเรื่องที่เราทำอยู่
การหา Keyword ใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องมาเสริม จะช่วยให้เราครอบคลุมหัวข้อที่เราต้องการนำเสนอได้มากขึ้น และยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้คนค้นหาเจอเว็บไซต์เราจากคำค้นหาที่หลากหลายขึ้นด้วย
ต่อยอด Keyword เดิมให้ปังกว่าเดิม
พอเราเห็นแล้วว่ามี Keyword ไหนที่คนค้นหาเยอะ แต่เรายังทำอันดับได้ไม่ดี หรือ Keyword ที่เกี่ยวข้องแต่ยังไม่ได้ใช้ ก็ถึงเวลาที่เราจะเอาข้อมูลพวกนี้มาต่อยอดให้เว็บไซต์ของเราปังกว่าเดิมแล้วครับ
ปรับปรุงเนื้อหาให้ตรงใจคนค้นหา
บางทีเนื้อหาที่เรามีอยู่แล้วอาจจะยังตอบโจทย์คนค้นหาได้ไม่ครบถ้วน หรืออาจจะเก่าไปแล้วก็ได้ ลองกลับไปดู Keyword ที่เราเล็งไว้ แล้วมาดูกันว่าเราจะปรับปรุงเนื้อหาเดิมยังไงให้ดีขึ้นได้บ้าง
- เช็คว่าเนื้อหาตอบคำถามครบไหม: คนที่ค้นหา Keyword นั้นๆ เขามีคำถามอะไรในใจบ้าง? เนื้อหาเราตอบได้หมดหรือยัง?
- เพิ่มข้อมูลเชิงลึก: ลองหาข้อมูลเพิ่มเติม หรือยกตัวอย่างที่ชัดเจนขึ้น เพื่อให้เนื้อหามีประโยชน์มากขึ้น
- อัปเดตข้อมูลให้ทันสมัย: ถ้าเป็นเรื่องที่ข้อมูลเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ ก็ต้องคอยอัปเดตให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
- ปรับปรุงการอ่าน: ทำให้เนื้อหาอ่านง่ายขึ้น อาจจะแบ่งย่อหน้าให้สั้นลง ใช้หัวข้อย่อย หรือใส่รูปภาพประกอบ (ถ้ามี)
สร้าง Content ใหม่จาก Keyword ที่น่าสนใจ
สำหรับ Keyword ที่มีศักยภาพ แต่เรายังไม่มีเนื้อหาเกี่ยวกับมันเลย นี่แหละคือโอกาสทองที่จะสร้างสรรค์ Content ใหม่ๆ ขึ้นมาเลยครับ
- เขียนบทความเจาะลึก: ถ้า Keyword นั้นเป็นเรื่องที่คนสนใจมาก ลองเขียนบทความยาวๆ ที่ให้ข้อมูลแบบจัดเต็มไปเลย
- ทำ Infographic: สำหรับข้อมูลที่ซับซ้อน หรือเป็นสถิติต่างๆ การทำเป็นภาพจะช่วยให้คนเข้าใจง่ายขึ้นเยอะ
- สร้างวิดีโอ: บางเรื่องเล่าด้วยภาพและเสียงจะสื่อสารได้ดีกว่า ลองทำวิดีโอสอน หรือรีวิวเกี่ยวกับ Keyword นั้นๆ ดู
การสร้าง Content ใหม่ๆ ไม่ใช่แค่การเพิ่มปริมาณ แต่คือการเพิ่มคุณภาพและความหลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของคนค้นหาให้ได้มากที่สุดครับ
ใช้ GSC วัดผลลัพธ์การต่อยอด Keyword
หลังจากที่เราลงมือปรับปรุงเนื้อหาหรือสร้างคอนเทนต์ใหม่จากข้อมูล Keyword ใน GSC ไปแล้ว สิ่งสำคัญถัดมาก็คือการมาดูว่าสิ่งที่ทำไปนั้นมันเวิร์คจริงไหม หรือมันส่งผลดีต่อเว็บไซต์ของเราแค่ไหน ซึ่ง Google Search Console นี่แหละคือเครื่องมือชั้นดีที่จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมตรงนี้ได้ชัดเจนเลย
ติดตามอันดับ Keyword หลังปรับปรุง
พอเราปรับปรุงอะไรไปแล้ว สิ่งแรกที่ควรเช็คก็คืออันดับของ Keyword ที่เราโฟกัสไปนั่นแหละครับ ลองเข้าไปดูในรายงาน ‘ประสิทธิภาพ’ ของ GSC แล้วกรองเฉพาะ Keyword ที่เราเพิ่งปรับปรุงไป หรือ Keyword ที่เราอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง
- ดูว่าอันดับมันขยับขึ้นหรือลง ถ้าอันดับดีขึ้นก็แสดงว่าการปรับปรุงของเราน่าจะไปถูกทางแล้ว แต่ถ้าอันดับยังนิ่งๆ หรือแย่ลง ก็อาจจะต้องกลับไปดูอีกทีว่าเราปรับปรุงได้ตรงจุดหรือยัง
- สังเกต Impression นอกจากอันดับแล้ว ลองดู Impression ด้วยนะ ถ้า Impression เพิ่มขึ้น แต่ Traffic ยังเท่าเดิม อาจจะแปลว่าคนเห็นหน้าเว็บเรามากขึ้น แต่เนื้อหายังไม่ดึงดูดพอให้คลิกเข้ามา
- ดู Click-Through Rate (CTR) CTR ที่สูงขึ้นหลังปรับปรุงเป็นสัญญาณที่ดีมากๆ แสดงว่า Title และ Description ของเราน่าจะน่าสนใจมากขึ้น จนคนอยากคลิกเข้ามาดูเนื้อหาของเรามากขึ้น
ดูว่าการเปลี่ยนแปลงส่งผลอย่างไร
การดูแค่ Keyword เดียวอาจจะยังไม่เห็นภาพรวมทั้งหมด เราต้องมองให้กว้างขึ้นไปอีกว่าการปรับปรุงของเรามันส่งผลกระทบต่อส่วนอื่นๆ ของเว็บไซต์ด้วยหรือเปล่า
- ดูภาพรวมของหน้าเว็บ (Page Performance): ลองเลือกดูประสิทธิภาพของหน้าเว็บที่เราปรับปรุงไปเลย ว่าหลังจากปรับปรุงแล้ว หน้าเว็บนั้นมี Impression รวมๆ เพิ่มขึ้นไหม มีคลิกเข้ามามากขึ้นหรือเปล่า บางทีการปรับปรุงหน้าเดียว อาจจะส่งผลดีต่อหน้าอื่นๆ ที่ลิงก์ไปหากันด้วยก็ได้นะ
- ดูผลกระทบต่อ Conversion: ถ้าเรามีเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น อยากให้คนกรอกฟอร์ม หรือสั่งซื้อสินค้า ก็ต้องมาดูว่าหลังจากปรับปรุง Keyword แล้ว มี Conversion เพิ่มขึ้นตามไปด้วยไหม บางทีอันดับดีขึ้น คนคลิกเข้ามาเยอะขึ้น แต่ถ้าสุดท้ายไม่ได้ Conversion ก็อาจจะต้องกลับมาทบทวนกลยุทธ์อีกครั้ง
การวัดผลอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เราเห็นภาพว่ากลยุทธ์ SEO ที่เราทำไปนั้นมันได้ผลจริงหรือไม่ และช่วยให้เราปรับแผนการทำงานได้อย่างทันท่วงที เพื่อให้เว็บไซต์ของเราเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ลองใช้ GSC ให้เป็นประโยชน์ในการวัดผลดูนะครับ มันจะช่วยให้เราทำงาน SEO ได้ตรงจุดและเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้นจริงๆ การติดตั้ง GSA Search Engine Ranker (SER) ก็เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลได้เช่นกัน ดูวิธีการติดตั้ง ครับ
เทคนิคการเลือก Keyword ที่ใช่สำหรับเนื้อหา
การจะต่อยอด Keyword ให้ได้ผลดี สิ่งสำคัญคือต้องเลือกให้ถูกจุดก่อนครับ ไม่ใช่แค่หยิบคำไหนมาก็ได้ เพราะถ้าเลือกผิด ชีวิตจะเปลี่ยน (ไปในทางที่แย่ลงนะ) มาดูกันว่ามีเทคนิคอะไรบ้าง
เข้าใจเจตนาของผู้ค้นหา (Search Intent)
เวลาคนเราพิมพ์อะไรลงไปใน Google เนี่ย มันไม่ได้มีแค่คำๆ เดียว แต่มันมีความต้องการแฝงอยู่ข้างในเสมอครับ เราต้องพยายามเดาใจเขาให้ออกว่าจริงๆ แล้วเขาอยากรู้อะไรกันแน่
- Informational Intent: พวกที่อยากรู้ข้อมูล อยากหาคำตอบ เช่น ‘วิธีทำไข่เจียว’, ‘อาการไข้หวัดใหญ่’
- Navigational Intent: พวกที่รู้ชื่อแบรนด์หรือเว็บไซต์อยู่แล้ว แต่อยากเข้าให้ตรง เช่น ‘Facebook’, ‘Pantip’
- Transactional Intent: พวกที่พร้อมจะซื้อ พร้อมจะลงมือทำ เช่น ‘ซื้อรองเท้าวิ่ง’, ‘จองตั๋วเครื่องบิน’
- Commercial Investigation Intent: พวกที่กำลังเปรียบเทียบ หาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อ เช่น ‘รีวิว iPhone 15’, ‘เปรียบเทียบประกันรถยนต์’
ถ้าเราเข้าใจตรงนี้ เราจะเลือก Keyword ที่ตรงกับสิ่งที่คนกำลังมองหาจริงๆ ได้ง่ายขึ้นครับ เช่น ถ้าเราขายรองเท้าวิ่ง การเลือก Keyword ที่เป็น Transactional หรือ Commercial Investigation จะมีโอกาสขายได้มากกว่าพวก Informational ที่คนแค่อยากรู้เฉยๆ
การจับเจตนาของผู้ค้นหาให้ได้ คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้เนื้อหาของเราตอบโจทย์ และ Google ก็จะมองว่าเราเป็นแหล่งข้อมูลที่ดี
เลือก Keyword ที่สอดคล้องกับธุรกิจ
อันนี้ก็ตรงไปตรงมาครับ เราต้องเลือก Keyword ที่มันเกี่ยวกับสิ่งที่เราทำ หรือสิ่งที่เราขายจริงๆ อย่าไปเลือกคำที่มันไม่เกี่ยวกันเลย เพราะถึงคนจะคลิกเข้ามา แต่ถ้าเนื้อหาเราไม่ตอบโจทย์ เขาก็จะเด้งออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อ SEO เลย
ลองลิสต์ออกมาดูครับว่าธุรกิจของเราเกี่ยวกับอะไรบ้าง แล้วค่อยไปหา Keyword ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านั้น
- ถ้าเราเป็นร้านกาแฟ ก็อาจจะหา Keyword เช่น ‘กาแฟสดเชียงใหม่’, ‘ร้านกาแฟบรรยากาศดี’
- ถ้าเราเป็นบริษัทรับทำเว็บไซต์ ก็อาจจะหา Keyword เช่น ‘รับทำเว็บไซต์ราคาถูก’, ‘ออกแบบเว็บไซต์บริษัท’
การเลือก Keyword ที่ตรงกับธุรกิจ จะช่วยดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่มีคุณภาพเข้ามายังเว็บไซต์ของเราได้มากขึ้น และมีโอกาสที่พวกเขาจะกลายเป็นลูกค้าของเราในที่สุดครับ
สร้าง Content คุณภาพด้วยข้อมูลจาก GSC
พอเราได้ข้อมูล Keyword เด็ดๆ จาก GSC มาแล้วเนี่ย ก็ถึงเวลาเอามาปั้นให้เป็น Content ที่คนอยากอ่านจริงๆ จังๆ นะครับ การจะทำแบบนั้นได้ เราต้องเข้าใจก่อนว่าคนหาอะไร แล้วเราจะตอบสนองความต้องการนั้นได้ยังไง
เขียนบทความที่ตอบโจทย์ทุกคำถาม
ลองนึกภาพตามนะ เวลาเราเจอคำถามอะไรสักอย่างใน Google เราก็อยากได้คำตอบที่ตรงประเด็นที่สุดใช่ไหม? GSC นี่แหละคือขุมทรัพย์ที่จะบอกเราว่าคนกำลังสงสัยเรื่องอะไรเกี่ยวกับธุรกิจหรือเว็บไซต์ของเรา
- ดูว่าคนค้นหาด้วยคำถามแบบไหน: ลองไปดูใน GSC ตรงส่วน Performance แล้วลองกรองหาพวกคำถามที่ขึ้นต้นด้วย ‘ทำไม’, ‘อย่างไร’, ‘ที่ไหน’, ‘อะไร’ อะไรพวกนี้
- วิเคราะห์คำถามที่คนคลิกเข้ามา: คำถามไหนที่คนคลิกเข้ามาเยอะๆ แสดงว่าคนสนใจจริงๆ แต่ถ้า Impression สูงแต่คลิกน้อย อาจจะแปลว่าเนื้อหาที่เรามีอยู่ยังตอบไม่ตรงจุด หรือยังไม่น่าสนใจพอ
- หาช่องว่างของข้อมูล: บางทีคนอาจจะถามคำถามที่เรายังไม่ได้ทำ Content ไว้เลย นี่แหละคือโอกาสทองที่จะสร้างบทความใหม่ที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้ตรงเป๊ะ
การสร้าง Content ที่ดีคือการเป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุดให้กับคนค้นหา ทำให้เขารู้สึกว่าเจอคำตอบที่ตามหาแล้วจริงๆ
จัดโครงสร้างเนื้อหาให้น่าอ่าน
ต่อให้ข้อมูลแน่นแค่ไหน ถ้าจัดวางไม่ดี คนก็ไม่อยากอ่านเหมือนกันนะ ลองเอาเทคนิคพวกนี้ไปใช้ดู:
- หัวข้อและหัวข้อย่อย (H2, H3): ใช้ให้เป็นประโยชน์ แบ่งเนื้อหาเป็นส่วนๆ ให้คนอ่านรู้ว่ากำลังจะเจออะไรต่อไป การใช้หัวข้อย่อยที่มาจาก Keyword ที่เราเจอใน GSC จะช่วยให้เนื้อหาเราตรงกับสิ่งที่คนค้นหามากขึ้น
- ย่อหน้าสั้นๆ: อย่าเขียนยาวเป็นพรืดจนเกินไป แบ่งเป็นย่อหน้าเล็กๆ อ่านง่าย สบายตา
- ใช้ Bullet Points หรือ Numbered Lists: ถ้ามีข้อมูลหลายๆ อย่างที่อยากนำเสนอ การใช้ลิสต์จะช่วยให้ข้อมูลดูเป็นระเบียบและเข้าใจง่ายขึ้นเยอะเลย
- ใส่รูปภาพหรือวิดีโอ (ถ้ามี): ถึงแม้เราจะเน้นที่ GSC แต่การมีสื่ออื่นๆ มาช่วยเสริม ก็ทำให้ Content น่าสนใจขึ้นได้นะ
การที่เราเอาข้อมูลจาก GSC มาปรับใช้แบบนี้ มันเหมือนเรากำลังคุยกับลูกค้าของเราโดยตรงเลยนะ ทำให้เราสร้างสรรค์ผลงานที่ตรงใจเขาจริงๆ ซึ่งสุดท้ายแล้วมันก็ส่งผลดีต่อ อันดับ SEO ของเว็บไซต์ ของเรานั่นแหละ
การปรับปรุง On-Page SEO ด้วย Keyword ที่ได้มา
พอเราได้ Keyword เด็ดๆ จาก GSC มาแล้ว ก็ถึงเวลาเอามาใช้ให้คุ้มค่าครับ การปรับปรุง On-Page SEO คือการทำให้หน้าเว็บของเรามันถูกใจทั้งคนอ่านและ Google มากขึ้น โดยใช้ Keyword ที่เราหามานี่แหละเป็นตัวช่วย
ใส่ Keyword ใน Title และ Meta Description
สองส่วนนี้เหมือนป้ายหน้าร้านเลยนะ สำคัญมาก! เวลาคนเห็น Title กับ Description ในหน้าผลการค้นหา Google ถ้ามันตรงกับที่เขาอยากรู้ เขาก็มีแนวโน้มจะคลิกเข้ามามากกว่า
- Title Tag: ควรมี Keyword หลักอยู่ต้นๆ หรือใกล้เคียงต้นๆ ของ Title และต้องไม่ยาวเกินไปจนโดนตัด
- Meta Description: ถึงแม้จะไม่ใช่ปัจจัยตรงๆ ในการจัดอันดับ แต่ก็มีผลต่อ Click-Through Rate (CTR) มาก ใส่ Keyword ที่เกี่ยวข้องเข้าไป แล้วเขียนให้น่าสนใจ ชวนให้คนอยากคลิก
ลองดูตัวอย่างนะ สมมติเราขายกาแฟสด
- Title เดิม: กาแฟสด อร่อย
- Title ใหม่: กาแฟสดหอมกรุ่น สั่งออนไลน์ได้ | [ชื่อร้าน]
- Meta Description เดิม: ขายกาแฟสด
- Meta Description ใหม่: สัมผัสรสชาติกาแฟสดแท้ หอมกรุ่นจากเมล็ดคุณภาพ สั่งง่าย ส่งไวทั่วไทย พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ! สั่งซื้อเลย
กระจาย Keyword อย่างเป็นธรรมชาติในเนื้อหา
ไม่ใช่แค่ใส่ Title กับ Description นะ แต่ Keyword ที่ได้มาต้องแทรกเข้าไปในเนื้อหาของเราด้วย แต่ต้องทำให้เนียนๆ เหมือนเรากำลังคุยกับเพื่อน ไม่ใช่ยัดเยียดจนคนอ่านรู้สึกอึดอัด
- ใช้ Keyword หลัก: ใส่ในย่อหน้าแรกๆ ของเนื้อหา และกระจายไปตามส่วนต่างๆ อย่างเหมาะสม
- ใช้ Keyword รอง/คำที่เกี่ยวข้อง: พวกนี้จะช่วยเสริมให้เนื้อหาเราสมบูรณ์ขึ้น และช่วยให้ Google เข้าใจภาพรวมของหน้าเว็บได้ดีขึ้น
- หลีกเลี่ยงการยัด Keyword (Keyword Stuffing): ทำแบบนี้มีแต่จะเสียคะแนน SEO นะครับ Google ฉลาดพอที่จะรู้ว่าอันไหนของจริง อันไหนยัดเยียด
การเขียนเนื้อหาที่ดีคือการตอบคำถามและความต้องการของคนอ่านให้ได้มากที่สุด โดยใช้ Keyword เป็นเหมือนสะพานเชื่อมระหว่างสิ่งที่เรามีกับสิ่งที่คนกำลังค้นหา
การปรับปรุง On-Page SEO ด้วย Keyword ที่ได้จาก GSC เป็นเหมือนการปรับปรุงหน้าร้านของเราให้ดูดี น่าสนใจ และตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้นครับ ลองเอาไปปรับใช้ดูนะ แล้วจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นแน่นอน
อย่ามองข้าม Keyword ที่มีศักยภาพ
บางทีเราก็มัวแต่ไปโฟกัสกับ Keyword ที่คิดว่าดีที่สุด จนลืมไปว่ายังมี Keyword อื่นๆ ที่ซ่อนอยู่ใน Google Search Console ที่รอให้เราไปหยิบมาใช้ประโยชน์อยู่เหมือนกันนะ
Keyword ที่มี Click-Through Rate (CTR) สูง
ลองเข้าไปดูในรายงานประสิทธิภาพของ GSC แล้วลองเรียงลำดับตาม CTR ดูสิครับ จะเจอ Keyword ที่คนคลิกเข้ามาดูเว็บไซต์เราเยอะเป็นพิเศษ ทั้งๆ ที่บางทีอันดับอาจจะไม่ได้อยู่หน้าแรกเป๊ะๆ ด้วยซ้ำ นี่แหละคือสัญญาณว่าคนสนใจเนื้อหาของเราจริงๆ
- ทำไม CTR ถึงสำคัญ?
- มันบอกว่า Title Tag กับ Meta Description ของเรามันดึงดูดใจคนค้นหาได้ดีแค่ไหน
- ถ้า CTR สูง แสดงว่าคนเห็นแล้วอยากคลิกเข้ามาอ่าน แสดงว่าเราเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ถูกจุด
- Google ก็มองว่าถ้าคนคลิกเยอะ แสดงว่าผลการค้นหานี้มีคุณภาพและตรงกับที่คนอยากรู้
ลองเอา Keyword พวกนี้ไปปรับปรุงเนื้อหาเดิมให้ดียิ่งขึ้น หรือจะสร้างบทความใหม่ที่เจาะลึกเรื่องนั้นๆ ไปเลยก็ได้นะ การทำแบบนี้เหมือนเรากำลังต่อยอดจากสิ่งที่เวิร์คอยู่แล้วให้มันปังกว่าเดิมอีก
Keyword ที่นำไปสู่ Conversion
อันนี้คือที่สุดของการต่อยอดเลยครับ เพราะมันคือ Keyword ที่พาคนมาเป็นลูกค้าเราจริงๆ ลองดูในรายงาน Conversion ของ GSC (ถ้าเราตั้งค่าไว้) แล้วหาว่า Keyword ไหนที่พาคนมาทำสิ่งที่เราต้องการ เช่น สั่งซื้อสินค้า, กรอกฟอร์มติดต่อ, หรือสมัครสมาชิก
การเจอ Keyword ที่นำไปสู่ Conversion ได้เร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งช่วยให้เราเห็นผลลัพธ์ทางธุรกิจได้ชัดเจนขึ้นเท่านั้น
- ตัวอย่าง Keyword ที่อาจนำไปสู่ Conversion:
- "ซื้อ [ชื่อสินค้า] ออนไลน์"
- "ราคา [บริการ] กรุงเทพ"
- "[ชื่อแบรนด์] โปรโมชั่น"
- "[ปัญหาที่สินค้าเราแก้ได้] วิธีแก้"
ถ้าเจอ Keyword แบบนี้แล้วยังไม่ได้ทำหน้า Landing Page หรือเนื้อหาที่ตอบโจทย์ตรงๆ ก็รีบไปทำเลยครับ หรือถ้ามีอยู่แล้ว ลองดูว่าปรับปรุงให้มันดีขึ้นได้อีกไหม เช่น เพิ่ม Call to Action ให้ชัดเจนขึ้น หรือปรับปรุงหน้าชำระเงินให้ง่ายขึ้น การลงทุนกับ Keyword กลุ่มนี้คุ้มค่าแน่นอน เพราะมันวัดผลเป็นเงินได้จริง ลองดูบริการ GSA Project Service ที่จะช่วยให้การทำ SEO ของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เครื่องมือเสริมที่ช่วยต่อยอด Keyword
นอกเหนือจาก Google Search Console (GSC) แล้ว ยังมีเครื่องมืออื่นๆ ที่ช่วยให้เราหาไอเดียต่อยอด Keyword ได้อีกเพียบเลยนะ ลองมาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
Google Trends ช่วยดูเทรนด์
Google Trends นี่แหละ ตัวช่วยชั้นดีเลยในการดูว่าตอนนี้คนกำลังสนใจเรื่องอะไรเป็นพิเศษ หรือ Keyword ไหนกำลังมาแรง ลองเอา Keyword หลักๆ ของเราไปใส่ใน Google Trends ดูนะ จะเห็นกราฟแสดงความนิยมในช่วงเวลาต่างๆ แถมยังบอกได้ด้วยว่า Keyword ที่คล้ายๆ กัน มีคนค้นหาเยอะแค่ไหน
- ดูความนิยมของ Keyword: เห็นภาพรวมเลยว่า Keyword นั้นๆ คนค้นหาเยอะขึ้นหรือน้อยลง
- หา Keyword ที่เกี่ยวข้อง: ระบบจะแนะนำ Keyword ที่คนค้นหาควบคู่กันมาให้เราด้วย
- เปรียบเทียบ Keyword: เอา Keyword หลายๆ คำมาเทียบกันได้ว่าอันไหนฮิตกว่ากัน
เครื่องมือวิเคราะห์ Keyword อื่นๆ
นอกจาก Google Trends แล้ว ยังมีเครื่องมืออีกหลายตัวที่ช่วยวิเคราะห์ Keyword ได้ลึกขึ้นไปอีกนะ บางตัวก็ฟรี บางตัวก็เสียเงิน แต่รับรองว่าคุ้มค่ากับการลงทุนแน่นอน
- Ahrefs: เครื่องมือนี้ดังมากเรื่องการวิเคราะห์ Keyword และคู่แข่ง มีข้อมูลเยอะสุดๆ ทั้งปริมาณการค้นหา ความยากง่ายในการติดอันดับ และไอเดีย Keyword ใหม่ๆ เพียบ
- SEMrush: อีกหนึ่งตัวท็อปที่คล้ายๆ กับ Ahrefs ช่วยวิเคราะห์ Keyword ได้ครอบคลุม ทั้งการหาไอเดีย การดูอันดับ และการวิเคราะห์คู่แข่ง
- Keyword Everywhere: เป็นส่วนเสริมในเบราว์เซอร์ที่ใช้ง่ายมากๆ แค่เราค้นหาใน Google มันก็จะแสดงข้อมูล Keyword ที่เกี่ยวข้อง ปริมาณการค้นหา และราคาคลิก (CPC) ขึ้นมาให้ดูเลย สะดวกสุดๆ
การใช้เครื่องมือเหล่านี้ควบคู่ไปกับ GSC จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของ Keyword ได้ชัดเจนขึ้น และหาโอกาสในการทำ SEO ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนะ
อยากให้การค้นหาคำหลักของคุณปังกว่าเดิมไหม? ลองใช้เครื่องมือเจ๋งๆ ที่จะช่วยให้คุณหาไอเดียใหม่ๆ ได้เพียบ! เครื่องมือเหล่านี้จะทำให้การทำ SEO ของคุณง่ายขึ้นเยอะเลยนะ ลองเข้ามาดูที่เว็บไซต์ของเราสิ แล้วคุณจะเจอของดีที่ช่วยต่อยอดธุรกิจของคุณได้แน่นอน!
สรุป: ใช้ Google Search Console ให้คุ้ม!
เป็นไงกันบ้างครับกับวิธีต่อยอดคีย์เวิร์ดจาก Google Search Console ที่เราเอามาฝากกัน หวังว่าเพื่อนๆ จะเห็นภาพมากขึ้นนะว่าเครื่องมือฟรีตัวนี้มันเจ๋งแค่ไหน การที่เราเข้าใจว่าคนหาอะไร แล้วเว็บเราไปแสดงผลตอนไหน มันช่วยให้เราปรับปรุงเนื้อหาได้ตรงจุดมากขึ้นเยอะเลย ลองเอาเทคนิคพวกนี้ไปปรับใช้กับเว็บของตัวเองดูนะ ไม่ต้องกลัวว่าจะยากเกินไป ค่อยๆ ทำไปทีละนิด รับรองว่า SEO ของคุณจะดีขึ้นแบบเห็นได้ชัดแน่นอน สู้ๆ ครับ!
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการใช้ Google Search Console เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ SEO
Google Search Console คืออะไร และมันช่วยอะไรเว็บไซต์ของเราได้บ้าง?
Google Search Console หรือ GSC ก็เหมือนกับผู้ช่วยส่วนตัวของเว็บไซต์เราเลยครับ มันจะคอยบอกเราว่ามีคนค้นหาคำว่าอะไรแล้วเจอเว็บไซต์ของเราบ้าง แถมยังบอกด้วยว่าคนคลิกเข้ามาดูเยอะแค่ไหน ทำให้เรารู้ว่าคำไหนดี คำไหนต้องปรับปรุง เพื่อให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับดีๆ บน Google ครับ
เราจะหาคำค้นหา (Keyword) ที่คนใช้แล้วเจอเว็บไซต์เราได้จากตรงไหนใน GSC?
ง่ายมากครับ แค่เข้าไปที่เมนู ‘ประสิทธิภาพ’ (Performance) แล้วเลือก ‘การค้นหา’ (Search results) เราก็จะเห็นรายการคำค้นหาทั้งหมดที่คนใช้แล้วเจอเว็บเรา พร้อมกับจำนวนครั้งที่คนเห็น (Impressions) และจำนวนคลิก (Clicks) ครับ
มีวิธีดูไหมว่าคำค้นหาไหนที่คนคลิกเข้ามาดูเว็บไซต์เราเยอะที่สุด?
มีแน่นอนครับ ในหน้า ‘ประสิทธิภาพ’ เดียวกัน เราสามารถเรียงลำดับคำค้นหาตามจำนวนคลิกได้เลยครับ คำไหนมีคลิกเยอะๆ แสดงว่าคนสนใจเนื้อหาของเรามาก ก็ต้องรักษาคุณภาพของคำนั้นไว้ หรือจะต่อยอดให้ดีขึ้นไปอีกก็ได้ครับ
ถ้าเจอคำค้นหาที่คนเห็นเยอะ แต่คลิกน้อย ควรทำอย่างไร?
ถ้าเจอแบบนี้ แสดงว่าคำนั้นอาจจะยังไม่ตรงใจคนค้นหาเท่าที่ควร เราอาจจะต้องลองปรับปรุงหัวข้อ (Title) หรือคำอธิบายสั้นๆ (Meta Description) ให้ดูน่าสนใจมากขึ้น หรือไม่ก็ปรับเนื้อหาให้ตอบคำถามของคนที่ค้นหาคำนั้นให้ตรงจุดมากขึ้นครับ
การสร้างเนื้อหาใหม่ๆ จาก GSC มีประโยชน์อย่างไร?
การดู GSC ช่วยให้เราเห็นว่ามีคำค้นหาอะไรที่คนสนใจ แต่เรายังไม่ได้ทำเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ การสร้างเนื้อหาใหม่ๆ จากคำเหล่านี้จะช่วยดึงดูดคนเข้าเว็บเราได้มากขึ้น และทำให้เว็บเรามีเนื้อหาที่หลากหลาย ครอบคลุมเรื่องที่คนอยากรู้ครับ
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าการปรับปรุงเนื้อหาของเราได้ผล?
หลังจากปรับปรุงเนื้อหาแล้ว เราก็กลับมาดูที่ GSC ครับ คอยสังเกตดูว่าอันดับของคำค้นหาที่เราปรับปรุงดีขึ้นไหม จำนวนคลิกเพิ่มขึ้นหรือเปล่า ถ้าดีขึ้นก็แสดงว่าเรามาถูกทางแล้วครับ
นอกจาก GSC แล้ว มีเครื่องมืออื่นที่ช่วยเรื่อง Keyword ได้อีกไหม?
มีครับ อย่าง Google Trends ก็ช่วยให้เราเห็นว่าคำไหนกำลังเป็นที่นิยม หรือคำไหนคนสนใจน้อยลงแล้ว นอกจากนี้ก็ยังมีเครื่องมือวิเคราะห์ Keyword อื่นๆ อีกมากมายที่ช่วยหาไอเดียคำค้นหาดีๆ ได้ครับ
การใส่ Keyword ใน Title และ Meta Description สำคัญแค่ไหน?
สำคัญมากๆ เลยครับ เพราะ Title กับ Meta Description คือด่านแรกที่จะทำให้คนเห็นบนหน้าผลการค้นหา ถ้าใส่ Keyword ที่ตรงกับที่คนค้นหา และเขียนให้น่าสนใจ ก็จะยิ่งทำให้คนอยากคลิกเข้ามาดูเว็บไซต์ของเรามากขึ้นครับ