เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจด้วย บริการ Social Signals ที่ใช่

ในยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างหมุนเร็วแบบนี้ ธุรกิจต่างๆ ก็ต้องปรับตัวกันยกใหญ่เลยค่ะ หนึ่งในวิธีที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นและเติบโตได้ก็คือการใช้ บริการ Social Signals ที่เหมาะสม การมีสัญญาณที่ดีบนโซเชียลมีเดียเหมือนกับการมีคนคอยบอกต่อสิ่งดีๆ เกี่ยวกับแบรนด์ของคุณ ทำให้คนรู้จักมากขึ้นและอยากเข้ามาลองใช้บริการหรือซื้อสินค้า วันนี้เราจะมาดูกันว่า บริการ Social Signals คืออะไร ทำไมถึงสำคัญ และจะเลือกใช้ยังไงให้ธุรกิจปังแบบฉุดไม่อยู่ค่ะ

• Social Signals คืออะไรก็ตามที่แสดงออกถึงการมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดีย เช่น ไลค์ แชร์ คอมเมนต์ ซึ่งส่งผลต่อการมองเห็นของธุรกิจ
• การเลือก บริการ Social Signals ที่ดีต้องดูที่คุณภาพของสัญญาณที่ได้ ไม่ใช่แค่จำนวน และต้องมีความต่อเนื่องในการทำ
• ประโยชน์หลักๆ ของ บริการ Social Signals ที่ดี คือช่วยให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น สร้างความน่าเชื่อถือ และดันยอดขายให้เพิ่มขึ้น
• กลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่ม บริการ Social Signals ได้แก่ การสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจ การทำงานร่วมกับคนดัง และการจัดกิจกรรมสนุกๆ
• การวัดผล บริการ Social Signals ต้องดูตัวชี้วัดที่สำคัญ ปรับเปลี่ยนแผนตามข้อมูลที่ได้ และคอยดูว่าคู่แข่งทำอะไรอยู่บ้าง

มาทำความเข้าใจเรื่อง Social Signals กันให้มากขึ้นหน่อยดีกว่าครับ หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำนี้มาบ้างแล้ว แต่ยังไม่แน่ใจว่ามันคืออะไรกันแน่ หรือทำไมถึงสำคัญกับธุรกิจในยุคดิจิทัลขนาดนี้ วันนี้เราจะมาดูกันแบบละเอียดเลย

พูดง่ายๆ เลย Social Signals ก็คือการแสดงออกต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับแบรนด์ สินค้า หรือบริการของเรานั่นแหละครับ มันเหมือนเป็นเสียงตอบรับจากผู้คนบนโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการกดไลค์ กดแชร์ คอมเมนต์ หรือแม้แต่การพูดถึงแบรนด์ของเราในโพสต์ต่างๆ ทุกการมีส่วนร่วมเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณที่บอกให้รู้ว่าผู้คนรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เรานำเสนอ มันไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่เป็นเหมือนการวัดระดับความสนใจและความรู้สึกที่มีต่อแบรนด์เราเลย

ในยุคที่โซเชียลมีเดียกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว การมี Social Signals ที่ดีมันส่งผลกระทบต่อธุรกิจเราเยอะมากเลยนะ ลองคิดดูสิครับ ถ้ามีคนพูดถึงแบรนด์เราในแง่ดี แชร์โพสต์ของเรา หรือคอมเมนต์แสดงความสนใจ นั่นหมายความว่าแบรนด์เรากำลังเป็นที่รู้จักและได้รับความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก ซึ่งมันจะช่วยสร้างการรับรู้ (Awareness) ให้กับแบรนด์เราได้ดีมากๆ เลย

นอกจากนี้ Search Engine อย่าง Google เองก็เริ่มนำ Social Signals มาเป็นส่วนหนึ่งในการจัดอันดับเว็บไซต์ด้วยนะ ถ้าเว็บไซต์ของเรามีคนแชร์ มีคนพูดถึงเยอะๆ บนโซเชียลมีเดีย ก็มีโอกาสที่อันดับการค้นหาจะดีขึ้นตามไปด้วย ทำให้คนหาเราเจอได้ง่ายขึ้นอีกต่างหาก

Social Signals มีหลายแบบมากๆ เลยครับ แต่หลักๆ ที่เราควรรู้จักก็จะมี:

• การกดไลค์ (Likes/Reactions): เป็นการแสดงออกที่ง่ายที่สุด แต่ก็บอกได้ว่าคนชอบหรือไม่ชอบโพสต์ของเรา
• การแชร์ (Shares): อันนี้สำคัญมาก เพราะหมายถึงคนเห็นว่าคอนเทนต์ของเรามีประโยชน์หรือน่าสนใจพอที่จะส่งต่อให้คนอื่น
• การคอมเมนต์ (Comments): เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยตรง ทำให้เราเห็นมุมมองและความรู้สึกของลูกค้าได้ชัดเจน
• การกล่าวถึง (Mentions): เมื่อมีคนพูดถึงแบรนด์เราโดยตรง ไม่ว่าจะในโพสต์หรือในคอมเมนต์
• การบุ๊กมาร์ก (Bookmarks/Saves): แสดงว่าคนมองว่าคอนเทนต์ของเรามีคุณค่าและอยากกลับมาดูอีก

การที่เรามี Social Signals ที่ดีอย่างสม่ำเสมอ มันเหมือนเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าไปในตัว ทำให้พวกเขารู้สึกผูกพันกับแบรนด์เรามากขึ้นเรื่อยๆ ครับ

การเลือกบริการ Social Signals ที่ดีเนี่ย มันเหมือนกับการเลือกเพื่อนคู่คิดเลยนะ ต้องเลือกให้ถูกคน ถูกที่ ถึงจะช่วยให้ธุรกิจของเราไปรอดและเติบโตได้จริง ไม่ใช่แค่เลือกไปเรื่อยเปื่อยแล้วหวังว่ามันจะดีเอง

หลายคนอาจจะคิดว่า ยิ่งมีไลค์เยอะๆ แชร์เยอะๆ ยิ่งดี แต่นั่นไม่ใช่เสมอไปนะ ลองคิดดูสิ ถ้าไลค์เป็นพันเป็นหมื่น แต่เป็นไลค์ปลอมๆ ที่ไม่มีใครสนใจสินค้าเราเลย มันก็ไม่ต่างอะไรกับการมีของเยอะแต่ขายไม่ได้สักชิ้นเลยใช่ไหมล่ะ คุณภาพของ Social Signals สำคัญกว่าปริมาณเสมอ เราต้องดูว่าคนที่มากดไลค์ กดแชร์ หรือคอมเมนต์เนี่ย เป็นกลุ่มเป้าหมายของเราจริงๆ หรือเปล่า พวกเขาสนใจในสิ่งที่เรานำเสนอไหม หรือแค่เข้ามาแล้วก็ผ่านไป

การทำ Social Signals ไม่ใช่การทำครั้งเดียวแล้วจบนะ มันเหมือนกับการรดน้ำต้นไม้ ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ถึงจะเห็นผลในระยะยาว ลองนึกภาพว่าถ้าเราโพสต์คอนเทนต์ดีๆ แค่สัปดาห์ละครั้ง แล้วหายไปเป็นเดือน แบบนี้ใครจะจำเราได้ล่ะ การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ติดตามอย่างต่อเนื่อง การโพสต์คอนเทนต์ใหม่ๆ อยู่เสมอ จะช่วยให้แบรนด์ของเราดูมีชีวิตชีวาและน่าสนใจอยู่ตลอดเวลา ลองดูวิธีการสร้าง backlinks คุณภาพ ที่จะช่วยให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้น

สุดท้ายแล้ว การจะรู้ว่าบริการ Social Signals ที่เราเลือกมามันเวิร์คจริงไหม ก็ต้องดูที่ข้อมูลนี่แหละ เราต้องรู้จักติดตามตัวชี้วัดต่างๆ เช่น จำนวนการเข้าชมเว็บไซต์ จำนวนการมีส่วนร่วม (engagement) หรือแม้กระทั่งยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากการทำ Social Signals ถ้าข้อมูลมันบอกว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันได้ผล ก็ลุยต่อ แต่ถ้ามันไม่เวิร์ค ก็ต้องกล้าที่จะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ อย่ามัวแต่ยึดติดกับของเดิมๆ ลองดูตารางนี้เป็นแนวทางคร่าวๆ:

การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เราเห็นภาพรวม และสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง ว่าควรจะไปต่อ หรือควรจะปรับปรุงตรงไหน เพื่อให้การลงทุนใน Social Signals ของเราคุ้มค่าที่สุด

พอเราใช้บริการ Social Signals ดีๆ แล้วเนี่ย มันไม่ใช่แค่ทำให้คนเห็นเรามากขึ้นเฉยๆ นะ แต่มันส่งผลดีต่อธุรกิจเราแบบรอบด้านเลยล่ะ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

เวลาที่เรามี Social Signals ที่ดี เช่น มีคนมากดไลก์ แชร์ คอมเมนต์ หรือพูดถึงแบรนด์เราเยอะๆ บนโซเชียลมีเดีย มันเหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้แพลตฟอร์มต่างๆ รู้ว่าแบรนด์เราน่าสนใจนะ ทำให้โพสต์หรือคอนเทนต์ของเรามีโอกาสถูกแสดงให้คนอื่นเห็นมากขึ้นตามไปด้วย ยิ่งมีสัญญาณเยอะและมีคุณภาพเท่าไหร่ โอกาสที่แบรนด์เราจะไปปรากฏอยู่หน้าฟีดของคนจำนวนมากก็ยิ่งสูงขึ้น มันช่วยให้เราเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้นเยอะเลย

ลองคิดดูนะ ถ้าเราไปเจอแบรนด์ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน แล้วเห็นว่ามีคนพูดถึงเยอะ มีคนกดไลก์ กดแชร์เยอะๆ เราก็จะรู้สึกว่าแบรนด์นี้น่าจะดี น่าจะไว้ใจได้ใช่ไหมล่ะ? นั่นแหละคือพลังของ Social Signals มันช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ทำให้คนรู้สึกว่าแบรนด์เรามีความเคลื่อนไหว มีคนสนใจจริงๆ ไม่ใช่แค่เราพูดเองเออเอง มันเหมือนเป็นการ ยืนยัน จากสังคมออนไลน์ว่าแบรนด์เรามีตัวตนและมีคนยอมรับ

สุดท้ายแล้ว ทุกอย่างก็ต้องกลับมาที่ยอดขายเนอะ พอคนเห็นแบรนด์เรามากขึ้น รู้สึกดีกับแบรนด์เรามากขึ้น ความน่าเชื่อถือก็สูงขึ้น มันก็ส่งผลโดยตรงให้คนอยากเข้ามาดูสินค้าหรือบริการของเรามากขึ้น พอมีคนสนใจมากขึ้น โอกาสที่จะกลายมาเป็นลูกค้าจริงๆ มันก็สูงตามไปด้วยนะ บางทีแค่เห็นคนอื่นแชร์ว่าใช้แล้วดี ก็อาจจะทำให้คนตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นเลยทีเดียว

การมี Social Signals ที่ดี ไม่ใช่แค่การปั่นตัวเลขให้ดูสวยงาม แต่มันคือการสร้างการรับรู้ สร้างความเชื่อมั่น และสุดท้ายคือการผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนจริงๆ

อยากให้ธุรกิจปังบนโซเชียลใช่ไหม? มาดูเทคนิคเด็ดๆ ที่จะช่วยให้ Social Signals ของคุณพุ่งกระฉูดกันเลย

คอนเทนต์นี่แหละคือหัวใจหลักเลยนะ ถ้าเราทำคอนเทนต์ที่คนอยากแชร์ อยากไลค์ อยากคอมเมนต์เยอะๆ มันก็เหมือนเราได้คะแนน Social Signals ฟรีๆ แบบไม่ต้องลงทุนอะไรมาก ลองคิดดูว่ากลุ่มเป้าหมายของเราชอบอะไร สนใจเรื่องไหน แล้วก็ทำคอนเทนต์ออกมาให้ตอบโจทย์เขาจริงๆ อาจจะเป็นรูปสวยๆ วิดีโอสั้นๆ หรือบทความที่ให้ความรู้ก็ได้ ยิ่งคอนเทนต์เรามีคนแชร์เยอะเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีคนเห็นแบรนด์เรามากขึ้นเท่านั้น

สมัยนี้ใครๆ ก็เชื่อคนดังเนอะ การที่เราไปจ้าง Influencer ที่มีผู้ติดตามเยอะๆ และตรงกับกลุ่มเป้าหมายของเรา มาช่วยโปรโมทสินค้าหรือบริการ มันเหมือนเราได้ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยนะ นอกจากจะได้ Social Signals จากตัว Influencer เองแล้ว ผู้ติดตามของเขาก็จะเห็นแบรนด์เราด้วย ลองเลือก Influencer ที่มีสไตล์เข้ากับแบรนด์เราจริงๆ จะได้ดูไม่ยัดเยียดเกินไป

ใครไม่ชอบเล่นเกมชิงรางวัลบ้าง? การจัดกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ บนโซเชียล เช่น การแจกของรางวัล หรือการจัดประกวดอะไรสักอย่าง มันช่วยกระตุ้นให้คนเข้ามามีส่วนร่วมกับเพจเราได้ดีมากๆ เลยนะ ยิ่งถ้ากติกาไม่ซับซ้อนมาก คนก็ยิ่งอยากเล่นตาม ทำให้เกิดการแชร์ การแท็กเพื่อน ซึ่งทั้งหมดนี้ก็คือ Social Signals ที่ดีทั้งนั้นแหละ ลองคิดกิจกรรมที่สนุกและเข้ากับแบรนด์เราดูสิ รับรองว่าเวิร์ค!

พอทำอะไรไปแล้วก็ต้องมาดูกันหน่อยว่ามันเวิร์คไหมเนอะ โดยเฉพาะเรื่อง Social Signals เนี่ย ถ้าไม่วัดผลก็เหมือนปิดตาคลำทางไปเรื่อยๆ เลยนะ

การจะรู้ว่าบริการ Social Signals ที่เราใช้อยู่มันดีจริงหรือเปล่า เราต้องมีตัวเลขมาดูกันก่อนค่ะ หลักๆ ที่ควรจะส่องก็มีประมาณนี้:

• การมีส่วนร่วม (Engagement Rate): ดูว่าคนกดไลค์ กดแชร์ กดคอมเมนต์กันเยอะแค่ไหน ยิ่งเยอะยิ่งดี แสดงว่าคอนเทนต์เราน่าสนใจ
• การเข้าถึง (Reach) และ การแสดงผล (Impressions): ดูว่าโพสต์เราไปถึงคนมากแค่ไหน มีคนเห็นกี่ครั้ง อันนี้ช่วยให้รู้ว่าแบรนด์เราเป็นที่รู้จักมากขึ้นหรือเปล่า
• จำนวนผู้ติดตาม (Follower Growth): อันนี้ก็ตรงตัวเลยค่ะ ดูว่ามีคนอยากติดตามเราเพิ่มขึ้นไหม
• การคลิกไปยังเว็บไซต์ (Click-Through Rate – CTR): ถ้าเป้าหมายคืออยากให้คนเข้าเว็บเรา ก็ต้องดูว่ามีคนคลิกจากโซเชียลไปมากน้อยแค่ไหน
• การกล่าวถึงแบรนด์ (Brand Mentions): มีคนพูดถึงแบรนด์เราบนโซเชียลมากแค่ไหน ทั้งแบบตรงๆ และไม่ตรงๆ

พอเรามีข้อมูลแล้ว ก็ต้องเอามาวิเคราะห์ค่ะ ว่าอะไรที่มันเวิร์ค อะไรที่มันแป้ก ถ้าเห็นว่าโพสต์แนวไหนคนชอบเยอะ ก็ทำแนวๆ นั้นแหละค่ะ หรือถ้าเห็นว่าช่องทางไหนคนดูเยอะ ก็ทุ่มเทตรงนั้นหน่อย การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ตามข้อมูลที่ได้เนี่ย เป็นหัวใจสำคัญของการทำ Social Signals ให้ปัง เลยนะ

การวัดผลไม่ใช่แค่การดูตัวเลข แต่คือการเอาตัวเลขนั้นมาทำให้เราทำงานได้ดีขึ้นในครั้งต่อไป ถ้าไม่วัดผล ก็เหมือนเรากำลังเดาใจลูกค้าไปเรื่อยๆ ซึ่งมันไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่หรอกค่ะ

อย่าลืมมองเพื่อนบ้านด้วยนะคะ! ลองดูว่าคู่แข่งเขาทำอะไรกันอยู่ มีอะไรที่เราน่าจะเอามาปรับใช้ได้บ้าง หรือมีอะไรที่เขาทำแล้วเราทำได้ดีกว่า การเปรียบเทียบกับคู่แข่งจะช่วยให้เราเห็นภาพรวม และรู้ว่าเราควรจะพัฒนาไปทางไหน ลองดู การวิเคราะห์คู่แข่ง เพื่อหาไอเดียใหม่ๆ ก็ได้ค่ะ

เวลาทำธุรกิจออนไลน์เนี่ย การใช้ Social Signals มันก็เหมือนดาบสองคมนะ ถ้าใช้ถูกทางก็ปัง แต่ถ้าพลาดนิดเดียว อาจจะเจ็บตัวได้เลย มาดูกันว่ามีอะไรที่ต้องระวังบ้าง จะได้ไม่เดินผิดทางกันนะ

อันนี้เจอบ่อยมาก! เห็นคนอื่นมีไลค์เยอะๆ ก็อยากมีบ้าง เลยไปหาซื้อไลค์ปลอมมาแปะๆ คิดว่าคนจะเชื่อถือ แต่เดี๋ยวก่อน! แพลตฟอร์มโซเชียลสมัยนี้ฉลาดจะตาย เขามีระบบตรวจจับพวกนี้อยู่แล้ว ถ้าจับได้ นอกจากจะเสียเงินฟรีแล้ว ยังอาจจะโดนแบน โดนลดการมองเห็น หรือหนักสุดคือปิดบัญชีไปเลยก็ได้นะ การสร้างฐานแฟนคลับที่แท้จริงสำคัญกว่ายอดไลค์ปลอมเยอะ

บางทีเราก็อยากให้โพสต์เราไปถึงคนเยอะๆ เลยทุ่มเทกับการทำทุกอย่างให้มันดูเยอะเข้าไว้ เช่น โพสต์ถี่ๆ แบบวันละหลายโพสต์ หรือพยายามให้มีคนแชร์เยอะๆ โดยไม่สนว่าคนที่เห็นหรือแชร์นั้นเป็นใคร มาจากไหน แต่จริงๆ แล้ว การมีคน กลุ่มเป้าหมาย ของเราจริงๆ มาเห็น มาสนใจ มาคุยกับเรา มันดีกว่ามีคนที่ไม่เกี่ยวเลยมากดไลค์เป็นร้อยเป็นพันอีกนะ ลองคิดดูว่าถ้าเราขายของให้คนที่สนใจจริงๆ โอกาสซื้อก็มีมากกว่าใช่ไหมล่ะ

อันนี้เป็นเรื่องใหญ่เลยนะ ถ้าเราไม่รู้ว่าลูกค้าเราเป็นใคร ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร แล้วเราจะไปสร้างคอนเทนต์ หรือจะไปทำกิจกรรมอะไรให้เขาถูกใจได้ล่ะ? มันก็เหมือนเราพูดภาษาคนละภาษาอะ สื่อสารกันไม่รู้เรื่องแน่ๆ ก่อนจะทำอะไร ลองกลับไปทำการบ้านเรื่องกลุ่มเป้าหมายของเราให้ดีก่อนนะ เขาชอบดูอะไร? เขาใช้เวลาอยู่บนแพลตฟอร์มไหน? เขาคุยกับเราแบบไหน? ยิ่งเข้าใจเขามากเท่าไหร่ การทำ Social Signals ก็ยิ่งง่ายและได้ผลมากขึ้นเท่านั้น

การทำ Social Signals ที่ดี ไม่ใช่แค่การทำให้ตัวเลขดูดี แต่มันคือการสร้างความสัมพันธ์ที่แท้จริงกับคนที่ใช่ต่างหาก

โลกดิจิทัลมันหมุนเร็วมากจริงๆ นะครับ ยิ่งเรื่องโซเชียลมีเดียด้วยแล้ว ยิ่งต้องตามให้ทัน ไม่งั้นเราจะตกขบวนเอาได้ บริการ Social Signals เองก็เหมือนกัน มันไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่มันกำลังจะก้าวไปอีกขั้นแล้ว

ต่อไปนี้ AI จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ในการวิเคราะห์และจัดการ Social Signals พวกมันจะช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคได้ลึกซึ้งกว่าเดิมเยอะเลยครับ AI สามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างรวดเร็ว หาแพทเทิร์นที่มนุษย์อาจมองข้ามไปได้ง่ายๆ มันจะช่วยให้เราสร้างแคมเปญที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นแบบสุดๆ

ยุคที่อะไรๆ ก็ต้องเป็นแบบเฉพาะบุคคล (Personalization) มันมาแน่ๆ ครับ คนสมัยนี้ไม่ชอบอะไรที่โหลๆ หรือเหมือนๆ กันหมด เขาอยากได้อะไรที่รู้สึกว่าทำมาเพื่อเขาจริงๆ บริการ Social Signals ในอนาคตจะเน้นการส่งมอบคอนเทนต์หรือข้อความที่ปรับให้เข้ากับแต่ละคนโดยเฉพาะ ทำให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพมากขึ้นเยอะเลย

เราอาจจะได้เห็น Social Signals ผสมผสานกับเทคโนโลยีอื่นๆ ที่กำลังมาแรง เช่น เทคโนโลยี AR/VR หรือแม้แต่ Metaverse การสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่และน่าจดจำให้กับผู้บริโภคจะเป็นหัวใจสำคัญ ลองนึกภาพการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ในโลกเสมือนจริงดูสิครับ มันน่าตื่นเต้นมากๆ เลยนะ

ในยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็วมาก การใช้ "โซเชียลซิกแนล" หรือการบอกต่อในโลกออนไลน์ กลายเป็นเรื่องสำคัญสุดๆ เลยนะ มันช่วยให้คนรู้จักสินค้าหรือบริการของเรามากขึ้นเยอะเลย ถ้าอยากรู้ว่าทำยังไงให้คนพูดถึงเราเยอะๆ ลองเข้ามาดูที่เว็บไซต์ของเราสิ เรามีเครื่องมือดีๆ ที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตแบบก้าวกระโดดแน่นอน!

ก็ประมาณนี้แหละครับ สำหรับเรื่อง Social Signals ที่เราคุยกันมาทั้งหมด หวังว่าคงจะเห็นภาพกันมากขึ้นนะว่ามันช่วยธุรกิจเราได้ยังไงบ้าง ไม่ใช่แค่เรื่องไลค์เรื่องแชร์นะ แต่มันคือการสร้างความเชื่อมั่น ทำให้คนรู้จักเรามากขึ้น แล้วก็ช่วยให้เราเข้าใจลูกค้าได้ดีขึ้นด้วย ถ้าใครยังไม่ได้ลองใช้ หรือยังงงๆ อยู่ ลองเอาไปปรับใช้ดูนะ ไม่ต้องคิดมาก เริ่มจากเล็กๆ น้อยๆ ก่อนก็ได้ ที่สำคัญคือต้องทำอย่างต่อเนื่อง แล้วก็ดูผลลัพธ์ไปด้วย จะได้รู้ว่าอันไหนเวิร์ค อันไหนต้องปรับปรุง สู้ๆ ครับ!

Social Signals ก็เหมือนกับเสียงตอบรับที่เรามีต่อคอนเทนต์บนโลกออนไลน์นั่นแหละครับ ไม่ใช่แค่ไลค์นะ แต่รวมถึงการแชร์ การคอมเมนต์ หรือแม้แต่การพูดถึงแบรนด์ของเราบนโซเชียลต่างๆ มันช่วยบอกให้คนอื่นรู้ว่าคอนเทนต์ของเราน่าสนใจแค่ไหน

แน่นอนครับ! เวลาคนเห็นว่ามีคนอื่นแชร์หรือพูดถึงแบรนด์เราเยอะๆ ก็จะรู้สึกว่าแบรนด์นี้น่าเชื่อถือมากขึ้น เหมือนมีเพื่อนมาบอกต่อกัน ยิ่งมีคนสนใจมากเท่าไหร่ โอกาสที่คนจะเข้ามาดูสินค้าหรือบริการของเราก็ยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย

หลักๆ ก็จะมีพวกไลค์ แชร์ คอมเมนต์ การบุ๊กมาร์ก การคลิก หรือแม้แต่การพูดถึงชื่อแบรนด์โดยตรงเลยครับ แต่ละอย่างก็มีความหมายต่างกันไปนะ บางอย่างก็บอกว่าคนชอบ บางอย่างก็บอกว่าคนสนใจอยากรู้ต่อ

การซื้อไลค์หรือผู้ติดตามปลอมๆ ไม่ใช่วิธีที่ดีเลยนะครับ เพราะมันดูไม่เป็นธรรมชาติ และอาจทำให้บัญชีของเราโดนแบนได้ ทางที่ดีคือต้องสร้างคอนเทนต์ดีๆ ที่คนอยากแชร์เอง หรืออาจจะจัดกิจกรรมให้คนร่วมสนุกก็ได้ครับ

สิ่งสำคัญคือต้องดูที่ ‘คุณภาพ’ ของสัญญาณครับ ไม่ใช่แค่จำนวนเยอะๆ อย่างเดียว ต้องดูว่าสัญญาณนั้นมาจากคนจริงๆ ที่สนใจแบรนด์เราหรือเปล่า แล้วก็ต้องดูความสม่ำเสมอด้วยนะ ไม่ใช่มาๆ หายๆ และที่สำคัญคือบริการนั้นต้องช่วยวิเคราะห์ข้อมูลให้เราได้ด้วยว่าอะไรได้ผล อะไรไม่ได้ผล

มันช่วยให้แบรนด์เราเป็นที่รู้จักมากขึ้นแบบก้าวกระโดดเลยครับ คนจะเห็นเราบ่อยขึ้น ก็จะรู้สึกคุ้นเคยและไว้ใจเรามากขึ้น ซึ่งสุดท้ายก็จะนำไปสู่การตัดสินใจซื้อที่ง่ายขึ้น ทำให้ยอดขายเราเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ต้องคอยดูตัวเลขต่างๆ ที่สำคัญครับ เช่น จำนวนคนเห็นคอนเทนต์เรามากขึ้นไหม มีคนเข้ามาที่เว็บไซต์เรามากขึ้นหรือเปล่า มีคนพูดถึงแบรนด์เรามากขึ้นไหม ถ้าตัวเลขพวกนี้ดีขึ้น ก็แสดงว่าใช้ได้ผลแล้วครับ

ต่อไป AI หรือปัญญาประดิษฐ์ จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการวิเคราะห์และสร้าง Social Signals ที่ตรงใจคนมากขึ้นครับ แล้วก็การทำให้แต่ละคนได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างกันไปตามความชอบของตัวเอง ก็จะยิ่งสำคัญมากขึ้นด้วย