ซื้อ Backlinks คุณภาพ สำหรับเว็บไซต์: คู่มือฉบับสมบูรณ์เพื่อเพิ่มอันดับ SEO

เส้นทางดิจิทัลที่พุ่งขึ้นสู่ความสำเร็จ

การจะทำให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับต้นๆ ในหน้าผลการค้นหาของ Google นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยค่ะ หลายคนอาจจะเคยได้ยินเรื่องของ ‘Backlinks’ มาบ้าง แต่อาจจะยังไม่แน่ใจว่ามันคืออะไรกันแน่ และสำคัญกับการทำ SEO ขนาดไหน วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง ‘ซื้อ Backlinks คุณภาพ สำหรับเว็บไซต์’ แบบเจาะลึกกันไปเลยค่ะ จะได้รู้ว่าทำไมมันถึงจำเป็น และเราควรจะเลือกซื้อกันอย่างไรให้ได้ผลดีจริงๆ ไม่ใช่แค่เสียเงินไปเปล่าๆ นะคะ

Key Takeaways

  • การซื้อ Backlinks คุณภาพช่วยให้ Google เข้าใจและจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณได้ดีขึ้น
  • มองหา Backlinks จากเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องและมีชื่อเสียงน่าเชื่อถือ
  • สร้างโปรไฟล์ Backlinks ให้หลากหลายและกระจายการได้ลิงก์อย่างสม่ำเสมอ
  • ระวังเว็บไซต์ที่ดูสแปม หรือได้ลิงก์มาแบบผิดธรรมชาติ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อ SEO
  • อย่าลืมสร้างเนื้อหาดีๆ และทำกิจกรรมอื่นๆ เพื่อให้ได้ Backlinks แบบธรรมชาติควบคู่ไปด้วย

ทำไมการซื้อ Backlinks คุณภาพ ถึงสำคัญกับเว็บไซต์ของคุณ

เส้นทางดิจิทัลที่พุ่งสูงขึ้นสู่ความสำเร็จ

หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเราถึงต้องเสียเงินซื้อ Backlinks กันนะ? จริงๆ แล้วมันก็เหมือนกับการที่เราไปขอให้คนอื่นช่วยแนะนำร้านของเราให้คนรู้จักนั่นแหละ ยิ่งมีคนแนะนำเยอะและน่าเชื่อถือเท่าไหร่ คนก็ยิ่งอยากมาลองใช่ไหมล่ะ? กับเว็บไซต์ก็เหมือนกันครับ

เข้าใจหลักการทำงานของ Backlinks

ลองนึกภาพ Google เป็นเหมือนห้องสมุดขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยข้อมูลมากมาย เวลาคนค้นหาอะไร Google ก็จะพยายามหาหนังสือที่ดีที่สุดและน่าเชื่อถือที่สุดมาให้ ซึ่งหนังสือที่ดีก็มักจะมีคนอ้างอิงถึงเยอะๆ ใช่ไหมครับ? Backlinks ก็ทำหน้าที่คล้ายๆ กับการอ้างอิงแบบนั้นแหละครับ เมื่อเว็บไซต์อื่นที่มีคุณภาพและเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเรา ลิงก์มาหาเรา Google ก็จะมองว่าเว็บไซต์ของเราน่าเชื่อถือและมีข้อมูลที่ดี ทำให้มีโอกาสถูกจัดอันดับให้สูงขึ้นในการค้นหา

ผลกระทบของ Backlinks ต่อการจัดอันดับ SEO

จริงๆ แล้ว Backlinks เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดที่ Google ใช้ในการจัดอันดับเว็บไซต์เลยนะ ยิ่งเว็บไซต์ของเรามี Backlinks ที่มีคุณภาพและมาจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือมากเท่าไหร่ อันดับการค้นหาของเราก็จะยิ่งดีขึ้นตามไปด้วย มันเหมือนกับการที่เราได้คะแนนโหวตจากเว็บไซต์อื่นๆ ยิ่งคะแนนเยอะ ก็ยิ่งมีสิทธิ์ขึ้นไปอยู่บนๆ ในหน้าผลการค้นหา ทำให้คนเห็นเรามากขึ้น และมีโอกาสที่คนจะคลิกเข้ามาที่เว็บไซต์ของเรามากขึ้นตามไปด้วย การทำ social bookmarking ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยเพิ่มการมองเห็นได้

ความแตกต่างระหว่าง Backlinks คุณภาพและ Backlinks คุณภาพต่ำ

อันนี้สำคัญมากเลยนะ เพราะถ้าเราซื้อ Backlinks ผิดประเภท อาจจะส่งผลเสียมากกว่าผลดีก็ได้

  • Backlinks คุณภาพ: มาจากเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเรา มีความน่าเชื่อถือ มีผู้เข้าชมจริง และมี Domain Authority (DA) ที่ดี
  • Backlinks คุณภาพต่ำ: มาจากเว็บไซต์สแปม เว็บไซต์ที่ไม่มีความเกี่ยวข้อง หรือเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อขายลิงก์โดยเฉพาะ พวกนี้อาจจะทำให้ Google มองว่าเราพยายามโกงระบบ และอาจโดนลงโทษได้เลยนะ
การเลือกแหล่งที่มาของ Backlinks จึงเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพื่อให้แน่ใจว่าเรากำลังลงทุนไปกับสิ่งที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของเราเติบโตอย่างยั่งยืนจริงๆ

แหล่งซื้อ Backlinks คุณภาพ ที่คุณควรรู้

พอพูดถึงการซื้อ Backlinks หลายคนอาจจะนึกถึงแต่แพลตฟอร์มใหญ่ๆ แต่จริงๆ แล้วมันมีหลายช่องทางเลยนะที่เราจะหาลิงก์ดีๆ มาใส่ให้เว็บเราได้ ลองมาดูกันว่ามีที่ไหนบ้างที่เราควรรู้จัก

รู้จักกับแพลตฟอร์มซื้อขาย Backlinks

เดี๋ยวนี้มีเว็บที่เปิดเป็นตลาดกลางให้คนซื้อขายลิงก์เยอะเลยนะ ข้อดีคือมันสะดวก มีตัวเลือกเยอะ เปรียบเทียบราคาได้ง่าย บางทีก็มีระบบรีวิวจากผู้ซื้อคนอื่นด้วย ทำให้เราพอจะเห็นภาพว่าเจ้าไหนบริการดีไม่ดี แต่ก็ต้องดูดีๆ นะ เพราะบางแพลตฟอร์มก็มีลิงก์คุณภาพต่ำปะปนอยู่เยอะเหมือนกัน การเลือกแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก

  • Marketplaces ทั่วไป: พวกนี้จะมีลิงก์จากหลายๆ เว็บไซต์เลย ราคาหลากหลายตั้งแต่ถูกไปจนถึงแพง ลองเข้าไปดูพวก Ahrefs, SEMrush หรือเว็บที่เน้นขายลิงก์โดยเฉพาะ
  • แพลตฟอร์มเฉพาะทาง: บางแพลตฟอร์มจะเน้นขายลิงก์จากเว็บประเภทใดประเภทหนึ่ง เช่น เว็บข่าว เว็บรีวิวสินค้า หรือเว็บที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีโดยเฉพาะ อันนี้จะช่วยให้ลิงก์เราดูมีความเกี่ยวข้องมากขึ้น
  • เว็บที่เน้น PBN: อันนี้ต้องระวังเป็นพิเศษเลยนะ เพราะถึงแม้บางทีลิงก์จะดูดี แต่ถ้า Google จับได้ว่ามาจาก PBN อาจมีผลเสียมากกว่าผลดี

การหาผู้ให้บริการ Backlinks โดยตรง

อีกวิธีที่น่าสนใจคือการไปหาผู้ให้บริการโดยตรงเลย พวกนี้อาจจะเป็นเจ้าของเว็บไซต์บล็อก หรือเว็บข่าวใหญ่ๆ ที่มีคนเข้าเยอะๆ แล้วเราก็เข้าไปคุยกับเขาโดยตรงเลยว่าสนใจจะซื้อลิงก์ลงที่เว็บเขาได้ไหม ข้อดีคือเราจะได้คุยกับเจ้าของโดยตรง ทำให้เข้าใจกันง่ายขึ้น และบางทีก็ได้ราคาที่ดีกว่าด้วยนะ

  • ติดต่อเว็บข่าว/บล็อกดัง: ลองดูว่ามีเว็บไหนที่เนื้อหาใกล้เคียงกับเว็บเรา แล้วมีส่วนให้ติดต่อ ลองส่งอีเมลไปสอบถามดู
  • หาจากโซเชียลมีเดีย: บางทีเจ้าของเว็บก็โพสต์ขายลิงก์ หรือรับทำ SEO บนโซเชียลมีเดีย ลองค้นหาดู
  • เข้าร่วมกลุ่ม SEO: ในกลุ่มพวกนี้มักจะมีคนมาเสนอขายลิงก์ หรือแนะนำผู้ให้บริการดีๆ อยู่เสมอ

การใช้บริการจากเอเจนซี่ SEO

ถ้าไม่อยากเสียเวลาหาเอง หรือไม่แน่ใจว่าจะเลือกยังไง การจ้างเอเจนซี่ SEO ก็เป็นทางเลือกที่ดีนะ พวกเขามีประสบการณ์และเครือข่ายอยู่แล้ว สามารถหาลิงก์คุณภาพดีๆ มาให้เราได้แน่นอน แถมยังช่วยวางแผนกลยุทธ์ให้เราด้วย แต่ก็ต้องแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นหน่อยนะ

การเลือกเอเจนซี่ก็ต้องดูดีๆ เหมือนกันนะ ลองดูผลงานเก่าๆ หรือรีวิวจากลูกค้าคนอื่นประกอบการตัดสินใจ จะได้ไม่เสียเงินฟรีๆ ไปซะก่อน

ปัจจัยที่บ่งบอกว่า Backlinks นั้นมีคุณภาพ

เวลาเราจะซื้อ Backlinks มาให้เว็บเราเนี่ย มันไม่ใช่แค่จำนวนอย่างเดียวนะที่สำคัญ แต่คุณภาพของลิงก์ก็สำคัญมากๆ เลยแหละ ถ้าได้ลิงก์ดีๆ มาเยอะๆ อันดับเว็บเราก็พุ่งปรี๊ด แต่ถ้าได้ลิงก์ห่วยๆ มาแทนที่จะดี อาจจะโดน Google ตีหัวเอาได้นะ มาดูกันว่าลิงก์แบบไหนถึงจะเรียกว่ามีคุณภาพจริงๆ

ความเกี่ยวข้องของเว็บไซต์ผู้ให้ลิงก์

อันนี้สำคัญสุดๆ เลยนะ ลองนึกภาพว่าเว็บเราขายอุปกรณ์ทำสวน แล้วมีลิงก์จากเว็บขายรถยนต์มาให้ มันก็ดูแปลกๆ ใช่ไหมล่ะ? Google ก็คิดแบบนั้นเหมือนกันแหละ ถ้าลิงก์ที่เข้ามามันเกี่ยวกับเนื้อหาของเว็บเรามากๆ เช่น มาจากเว็บที่พูดเรื่องต้นไม้ ดิน ปุ๋ย หรือการจัดสวน แบบนี้ Google จะมองว่าลิงก์นั้นมีค่าและน่าเชื่อถือมากกว่าเยอะเลย เพราะมันเหมือนมีคนแนะนำเว็บเราให้กับคนที่สนใจเรื่องเดียวกันจริงๆ

อำนาจของโดเมน (Domain Authority)

อันนี้เป็นเหมือนคะแนนความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์เลย ยิ่งเว็บไหนมีค่า Domain Authority (DA) สูงๆ ก็ยิ่งดี เพราะมันหมายถึงเว็บนั้นมีชื่อเสียง มีคนเข้าเยอะ และมีลิงก์คุณภาพเข้ามาเยอะเหมือนกัน การได้ลิงก์จากเว็บที่มี DA สูงๆ ก็เหมือนเราได้เครดิตจากเว็บที่น่าเชื่อถือมาด้วย ทำให้เว็บเราดูดีขึ้นในสายตา Google

  • DA 50 ขึ้นไป: ถือว่าดีมากๆ
  • DA 30-49: ดีพอสมควร
  • DA ต่ำกว่า 30: อาจจะต้องพิจารณาให้ดี

ความน่าเชื่อถือและชื่อเสียงของเว็บไซต์

นอกจาก DA แล้ว เราต้องดูด้วยว่าเว็บที่ให้ลิงก์เราเนี่ย มันดูน่าเชื่อถือแค่ไหน มีเนื้อหาที่เขียนดี มีการอัปเดตสม่ำเสมอไหม หรือเป็นเว็บที่ดูเหมือนสร้างขึ้นมาเพื่อขายลิงก์อย่างเดียว ถ้าเว็บนั้นดูเป็นสแปม มีโฆษณาเยอะแยะไปหมด หรือเนื้อหาอ่านไม่รู้เรื่อง ก็ควรเลี่ยงไว้เลยนะ เพราะลิงก์จากเว็บแบบนี้อาจจะส่งผลเสียมากกว่าผลดีด้วยซ้ำ

การเลือกเว็บที่จะซื้อลิงก์มา ควรดูให้เหมือนเรากำลังเลือกเพื่อนสนิทมาแนะนำให้คนอื่นรู้จัก ยิ่งเพื่อนเราดีและน่าเชื่อถือเท่าไหร่ คนที่ถูกแนะนำมาก็จะยิ่งเชื่อถือเรามากขึ้นเท่านั้น

กลยุทธ์การซื้อ Backlinks อย่างชาญฉลาด

การซื้อ Backlinks ไม่ใช่แค่การควักเงินจ่ายแล้วจบนะ แต่มันต้องมีกลยุทธ์ด้วย ไม่งั้นเงินอาจจะสูญเปล่า หรือแย่กว่านั้นคือโดน Google ปรับอันดับเอาได้ มาดูกันว่าต้องทำยังไงให้การซื้อ Backlinks ของเรามันฉลาดจริงๆ

การสร้างโปรไฟล์ Backlinks ที่หลากหลาย

ลองนึกภาพว่าเว็บไซต์ของคุณมีแต่ลิงก์ที่มาจากแหล่งเดียวกันหมด มันดูแปลกๆ ใช่ไหมล่ะ? Google ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน การมี Backlinks ที่มาจากหลายๆ ที่ หลายๆ ประเภท จะทำให้โปรไฟล์ลิงก์ของคุณดูเป็นธรรมชาติและน่าเชื่อถือมากขึ้น ลองดูตัวอย่างนี้:

ประเภทของเว็บไซต์จำนวนลิงก์ (โดยประมาณ)
เว็บไซต์ข่าวสาร/บล็อกทั่วไป40%
เว็บไซต์ที่เกี่ยวกับธุรกิจของคุณโดยตรง30%
เว็บไซต์ไดเรกทอรีธุรกิจที่น่าเชื่อถือ15%
เว็บไซต์ฟอรั่ม/ชุมชนออนไลน์10%
เว็บไซต์อื่นๆ (เช่น เว็บไซต์การศึกษา, เว็บไซต์รัฐบาล)5%

การมีลิงก์ที่หลากหลายแบบนี้จะช่วยให้โปรไฟล์ Backlinks ของคุณดูสมดุลและไม่น่าสงสัย

การกระจายการซื้อ Backlinks อย่างสม่ำเสมอ

อย่าซื้อลิงก์ทีเดียวเป็นร้อยเป็นพันอันนะ มันเหมือนกับการที่คุณจู่ๆ ก็มีเพื่อนใหม่มาเต็มไปหมดในวันเดียว มันดูไม่ปกติใช่ไหมล่ะ? ควรจะค่อยๆ ทยอยซื้อและกระจายการซื้อออกไปเรื่อยๆ เช่น อาจจะซื้อสัปดาห์ละ 5-10 ลิงก์ หรือเดือนละ 20-30 ลิงก์ การทำแบบนี้จะทำให้ Google มองว่าการเติบโตของลิงก์ของคุณเป็นไปตามธรรมชาติ

การหลีกเลี่ยงการซื้อ Backlinks จำนวนมากเกินไป

อันนี้สำคัญมากเลยนะ การซื้อลิงก์เยอะๆ ในเวลาอันสั้นมันเสี่ยงต่อการถูกมองว่าเป็นสแปม หรือการพยายามปั่นอันดับ ซึ่งอาจนำไปสู่การโดนลงโทษจาก Google ได้ ลองคิดว่าถ้าเว็บไซต์ของคุณมีลิงก์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วผิดปกติ ทั้งๆ ที่เนื้อหาหรือการโปรโมทอื่นๆ ยังเท่าเดิม มันก็ดูน่าสงสัยอยู่ดีใช่ไหมล่ะ? ค่อยเป็นค่อยไป ดีกว่ารีบร้อนแล้วพังนะ

สัญญาณเตือนภัยเมื่อเจอ Backlinks คุณภาพต่ำ

การเพิ่มอันดับ SEO ด้วย Backlinks คุณภาพ

เวลาเราซื้อ Backlinks เนี่ย มันก็เหมือนกับการเลือกเพื่อนร่วมงานเลยนะ ถ้าเจอคนไม่ดีมาทำงานด้วย ก็อาจจะทำให้งานเราแย่ลงไปอีก สำหรับ Backlinks ก็เหมือนกัน ถ้าเราไปซื้อลิงก์จากเว็บที่ไม่มีคุณภาพ มันอาจจะส่งผลเสียต่ออันดับ SEO ของเราได้เลยนะ มาดูกันว่ามีสัญญาณอะไรบ้างที่เราควรมองหา เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของ Backlinks ห่วยๆ

เว็บไซต์ที่เต็มไปด้วยสแปมและโฆษณา

ลองนึกภาพเว็บที่เต็มไปด้วยปุ่มโฆษณาเด้งไปเด้งมา หรือมีแต่เนื้อหาที่ดูเหมือนจะขายของอย่างเดียว เว็บแบบนี้แหละที่น่าสงสัยสุดๆ Google เองก็ไม่ชอบเว็บแบบนี้เหมือนกัน เพราะมันดูไม่น่าเชื่อถือเลย ถ้าเว็บที่เขาจะให้ลิงก์เราเป็นแบบนี้ ก็ให้เอามือลูบหน้าแล้วเดินหนีออกมาเลยนะ การมีโฆษณาเยอะๆ ไม่ได้แปลว่าเว็บนั้นรวยเสมอไป แต่อาจจะแปลว่าเว็บนั้นกำลังพยายามหาเงินทุกวิถีทาง โดยไม่สนคุณภาพของเนื้อหาเลย

ลิงก์ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหา

สมมติว่าเราทำเว็บเกี่ยวกับสูตรทำอาหาร แล้วมีคนมาเสนอให้ลิงก์จากเว็บขายอะไหล่รถยนต์ มันจะเกี่ยวกันได้ยังไง? แบบนี้แหละที่เรียกว่าลิงก์ไม่เกี่ยวข้อง ซึ่ง Google มองออกนะว่าลิงก์แบบนี้มันดูไม่เป็นธรรมชาติเอาซะเลย มันเหมือนกับการที่เราไปขอให้คนที่ไม่รู้จักมาแนะนำตัวเราให้คนอื่นฟัง ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยเห็นเราทำอะไรมาก่อนเลย มันดูแปลกๆ ใช่ไหมล่ะ

การใช้เครือข่าย Private Blog Network (PBN)

อันนี้อาจจะซับซ้อนหน่อย PBN คือกลุ่มของเว็บไซต์ที่เจ้าของเดียวกันสร้างขึ้นมา เพื่อใช้ลิงก์หากันเอง หรือใช้ลิงก์ไปยังเว็บไซต์หลักของตัวเอง เพื่อปั่นอันดับ SEO ให้สูงขึ้น ซึ่ง Google มองว่านี่เป็นการทำผิดกฎนะ ถ้าเราไปซื้อลิงก์จากเว็บที่เป็นส่วนหนึ่งของ PBN ก็เหมือนเราไปร่วมมือกับเขาทำผิดกฎไปด้วย อาจจะโดนลงโทษได้เลยนะ

สัญญาณเตือนภัยอื่นๆ ที่ควรมองหา:

  • อายุของโดเมน: เว็บที่เพิ่งสร้างใหม่มากๆ แล้วมีลิงก์คุณภาพสูงยื่นเข้ามาให้ อาจจะต้องสงสัยไว้ก่อน
  • การใช้ Anchor Text ซ้ำๆ: ถ้าลิงก์ที่ได้มาใช้คำเดียวกันเป๊ะๆ ตลอดเวลา มันดูไม่เป็นธรรมชาติเลยนะ
  • การกระจุกตัวของลิงก์: ได้ลิงก์มาจากเว็บประเภทเดียวกันเยอะเกินไป หรือได้ลิงก์ในช่วงเวลาสั้นๆ มากๆ ก็เป็นสัญญาณที่ไม่ดีเหมือนกัน

การตรวจสอบคุณภาพของ Backlinks ที่ซื้อมา

หลังจากที่เราทุ่มเงินซื้อ Backlinks มาแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมาดูกันว่าลิงก์ที่เราได้มาเนี่ย มันมีคุณภาพจริงอย่างที่เขาว่าไหม หรือเป็นแค่ของปลอมที่อาจจะทำให้เว็บเราโดน Google เพ่งเล็งเอาได้นะ

เครื่องมือช่วยวิเคราะห์ Backlinks

มีเครื่องมือเจ๋งๆ หลายตัวเลยที่ช่วยเราเช็คคุณภาพของ Backlinks ได้ อย่างเช่น Ahrefs, SEMrush หรือ Moz พวกนี้จะบอกเราได้ว่าลิงก์ที่เข้ามามาจากเว็บไหน มี Domain Authority (DA) เท่าไหร่ มี Traffic ไหม หรือเป็นลิงก์ที่มาจากเว็บสแปมหรือเปล่า การใช้เครื่องมือเหล่านี้เป็นประจำจะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของโปรไฟล์ Backlinks ของเราได้ชัดเจนขึ้น

การสังเกตการเปลี่ยนแปลงอันดับ SEO

อีกวิธีที่ง่ายๆ คือการดูอันดับของคีย์เวิร์ดที่เราตั้งเป้าไว้ ถ้าซื้อ Backlinks มาแล้วอันดับดีขึ้นเรื่อยๆ ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี แต่ถ้าซื้อมาแล้วอันดับนิ่งๆ หรือแย่ลง อันนี้ต้องเริ่มเอะใจแล้วล่ะว่าลิงก์ที่ได้มาอาจจะไม่มีคุณภาพ หรืออาจจะส่งผลเสียด้วยซ้ำ

การตรวจสอบด้วยตนเอง

บางทีเครื่องมือก็บอกได้ไม่หมดนะ เราอาจจะต้องลองเข้าไปดูที่เว็บไซต์ต้นทางของลิงก์ด้วยตัวเองบ้าง ว่าเว็บนั้นดูน่าเชื่อถือไหม เนื้อหาเกี่ยวกับอะไร มีโฆษณาเยอะเกินไปจนดูรกตาหรือเปล่า หรือลิงก์ที่เขาใส่มามันดูเป็นธรรมชาติหรือเปล่า ถ้าเว็บดูไม่น่าไว้ใจ หรือลิงก์ดูแปลกๆ ก็อาจจะต้องพิจารณาว่ามันคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปไหม

การตรวจสอบ Backlinks ที่ซื้อมาไม่ใช่แค่การดูตัวเลขจากเครื่องมือ แต่เป็นการมองภาพรวมทั้งหมด ทั้งจากข้อมูลเชิงปริมาณและคุณภาพของเว็บไซต์ต้นทาง เพื่อให้แน่ใจว่าเรากำลังลงทุนไปกับสิ่งที่จะส่งผลดีต่อเว็บของเราจริงๆ

ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อซื้อ Backlinks

เวลาจะซื้อ Backlinks เนี่ย มันมีกับดักเยอะแยะไปหมดเลยนะ ถ้าเราไม่ระวังดีๆ อาจจะเสียเงินเปล่า หรือแย่กว่านั้นคือโดน Google ลงโทษเอาได้ มาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่เราควรจะเลี่ยงสุดๆ

การเน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ

หลายคนคิดว่ายิ่งมีลิงก์เยอะยิ่งดี เลยไปซื้อลิงก์มาทีละเป็นร้อยเป็นพัน แต่ลืมไปว่า Google เขาดูที่คุณภาพของลิงก์ด้วยนะ ถ้าลิงก์ที่ได้มามันมาจากเว็บสแปม หรือเว็บที่ไม่มีใครเขาเข้ากันเลยเนี่ย มันก็ไม่ช่วยอะไร แถมอาจจะส่งผลเสียด้วยซ้ำ คุณภาพของลิงก์สำคัญกว่าปริมาณเสมอ ลองนึกภาพว่ามีคนแนะนำร้านอาหารให้คุณ 10 คน แต่มีแค่ 2 คนที่เคยไปกินจริงๆ กับอีกคนที่แนะนำแค่คนเดียวแต่เป็นเชฟชื่อดัง คุณจะเชื่อใครมากกว่ากันล่ะ?

การซื้อลิงก์จากเว็บไซต์ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ

อันนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่พลาดกันบ่อย คือเห็นว่าราคาถูก หรือเห็นว่ามีลิงก์ให้เยอะ เลยรีบซื้อโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ เว็บไซต์ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือมักจะมีลักษณะดังนี้:

  • มีโฆษณาเยอะเกินไป จนแทบมองไม่เห็นเนื้อหา
  • เนื้อหาซ้ำซาก หรือคัดลอกมาจากที่อื่น
  • ไม่มีการอัปเดตเนื้อหามานานแล้ว
  • มีลิงก์ออกไปเยอะมาก จนดูเหมือนเว็บขายลิงก์

การได้ลิงก์จากเว็บแบบนี้ไป มันเหมือนเราไปผูกมิตรกับคนไม่ดีน่ะสิครับ มันจะฉุดอันดับเว็บไซต์ของเราลงไปด้วยซ้ำ ลองเช็ค Domain Authority ของเว็บผู้ให้ลิงก์ดูก่อนก็ได้ ถ้าค่ามันต่ำมากๆ หรือไม่มีเลย ก็ควรจะเลี่ยงไว้ก่อน

การละเลยการสร้างเนื้อหาคุณภาพ

บางคนทุ่มเงินไปกับการซื้อ Backlinks อย่างเดียว แต่ลืมไปว่าหัวใจสำคัญของการทำ SEO คือ เนื้อหาที่ดี ต่อให้คุณมีลิงก์ดีๆ จากเว็บดังๆ มาเยอะแค่ไหน แต่ถ้าเนื้อหาในเว็บของคุณมันไม่น่าสนใจ ไม่ตอบโจทย์คนอ่าน หรือไม่มีประโยชน์อะไรเลย คนเขาก็ไม่เข้ามาอ่าน แล้วก็ไม่กลับมาอีก สุดท้ายลิงก์ที่ซื้อมาก็แทบจะไม่มีค่าอะไรเลยนะ การสร้างเนื้อหาที่คนอยากแชร์ อยากอ้างอิง จะช่วยดึงดูดลิงก์ธรรมชาติได้ดีกว่าการซื้อลิงก์เยอะเลยครับ

การสร้าง Backlinks แบบธรรมชาติควบคู่ไปด้วย

การเติบโตของเว็บไซต์และอันดับ SEO

การซื้อ Backlinks อย่างเดียวอาจจะดูเหมือนทางลัด แต่ถ้าอยากให้เว็บไซต์ของเราเติบโตแบบยั่งยืนจริงๆ การสร้าง Backlinks แบบธรรมชาติควบคู่ไปด้วยนี่แหละคือหัวใจสำคัญเลยนะ เพราะ Google เขาฉลาดขึ้นทุกวัน การมีลิงก์ที่มาจากแหล่งต่างๆ เองตามธรรมชาติ มันจะทำให้โปรไฟล์ลิงก์ของเราดูน่าเชื่อถือมากขึ้นในสายตาของ Google

การสร้างสรรค์เนื้อหาที่น่าสนใจและแชร์ได้

ลองคิดดูว่าถ้าเราเจอข้อมูลอะไรดีๆ ที่มีประโยชน์มากๆ เราก็อยากจะแชร์ให้เพื่อนๆ หรือคนรู้จักใช่ไหม? กับเว็บไซต์ก็เหมือนกัน ถ้าเราสร้างเนื้อหาที่เจ๋งจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นบทความที่ให้ความรู้แบบเจาะลึก, อินโฟกราฟิกที่สวยงามเข้าใจง่าย, หรือแม้แต่วิดีโอที่สนุกและให้สาระ คนอื่นก็จะอยากเอาไปแชร์ต่อ หรืออ้างอิงถึง ซึ่งนั่นแหละคือ Backlinks ที่มีคุณภาพสูงมากๆ ที่เราไม่ได้ไปขอร้องใครเลย

  • เนื้อหาต้องแก้ปัญหาให้คนอ่านได้จริง
  • นำเสนอในรูปแบบที่น่าสนใจ เช่น ใช้รูปภาพประกอบเยอะๆ หรือทำเป็นวิดีโอ
  • ทำให้แชร์ได้ง่าย อาจจะใส่ปุ่มแชร์โซเชียลไว้ให้ชัดเจน

การทำ Outreach เพื่อขอลิงก์

อันนี้ก็เป็นอีกวิธีที่ได้ผลดีนะ แต่ต้องทำอย่างถูกวิธีหน่อย คือเราต้องไปหาเว็บไซต์อื่นที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับของเรา แล้วลองติดต่อไปหาเจ้าของเว็บไซต์ หรือคนดูแลเว็บนั้นๆ เพื่อแนะนำเนื้อหาของเราให้เขาดู ถ้าเขาเห็นว่าเนื้อหาของเรามีประโยชน์และน่าสนใจจริงๆ เขาก็อาจจะยินดีที่จะใส่ลิงก์มาที่เว็บไซต์ของเราให้เอง

การทำ Outreach ไม่ใช่การส่งอีเมลสแปมไปเรื่อยๆ นะ แต่เป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในวงการเดียวกันก่อน แล้วค่อยนำเสนอสิ่งดีๆ ให้เขาเห็น

การมีส่วนร่วมในชุมชนออนไลน์

ลองเข้าไปเล่นในกลุ่ม หรือฟอรั่มออนไลน์ที่เกี่ยวกับธุรกิจหรือเนื้อหาของเราดูสิ การเข้าไปตอบคำถาม ให้ความเห็นที่เป็นประโยชน์ หรือช่วยแก้ปัญหาให้คนอื่นในกลุ่มบ่อยๆ จะทำให้คนรู้จักเรามากขึ้น พอคนรู้จักเรา เขาก็จะอยากเข้ามาดูเว็บไซต์ของเรา พอเข้ามาแล้วเจอเนื้อหาดีๆ เขาก็อาจจะอยากแชร์ หรือลิงก์มาให้เราเองโดยธรรมชาติ

งบประมาณสำหรับการซื้อ Backlinks คุณภาพ

เรื่องงบประมาณนี่เป็นอะไรที่หลายคนกังวลใจเวลาจะซื้อแบ็คลิงก์เนอะ เข้าใจเลย เพราะมันก็เหมือนกับการลงทุนอย่างหนึ่งแหละ ถ้าลงผิดที่ผิดทางก็เสียเงินเปล่าๆ แต่ถ้าลงถูกที่ถูกทาง มันก็ช่วยดันเว็บเราให้ปังได้เลย

การประเมินงบประมาณที่เหมาะสม

ก่อนอื่นเลย เราต้องรู้ก่อนว่าเว็บเราตอนนี้อยู่ในจุดไหน ต้องการอะไร แล้วมีเป้าหมายอะไรที่อยากให้ถึง การตั้งงบประมาณมันต้องดูจากหลายอย่างนะ ไม่ใช่แค่ว่าอยากได้กี่ลิงก์แล้วก็จ่ายไปเลย ลองคิดดูว่าเรามีกำลังจ่ายได้แค่ไหนต่อเดือน หรือต่อโปรเจกต์ แล้วอยากเห็นผลลัพธ์ประมาณไหน ถ้าอยากได้แบบเร็วๆ แรงๆ ก็อาจจะต้องทุ่มหน่อย แต่ถ้าพอมีเวลา ก็ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปได้

  • ประเมินสถานะปัจจุบันของเว็บไซต์: เว็บเราใหม่แค่ไหน มีเนื้อหาเยอะหรือยัง อันดับตอนนี้เป็นไงบ้าง
  • กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน: อยากให้เว็บติดอันดับคำไหน? ต้องการปริมาณทราฟฟิกเท่าไหร่?
  • ดูคู่แข่ง: คู่แข่งของเราเขาทำอะไรกันอยู่? มีแบ็คลิงก์จากไหนบ้าง?

การเปรียบเทียบราคาจากผู้ให้บริการต่างๆ

พอเรารู้แล้วว่าเราต้องการอะไร ก็ถึงเวลามาดูผู้ให้บริการต่างๆ แล้วล่ะ สมัยนี้มีหลายเจ้ามาก ทั้งที่เป็นแพลตฟอร์ม หรือจะเป็นเอเจนซี่ SEO ที่รับทำเรื่องนี้โดยตรง ราคาแต่ละที่ก็ไม่เหมือนกันนะ บางที่อาจจะคิดเป็นแพ็กเกจ บางที่ก็คิดเป็นรายลิงก์ หรือบางทีก็คิดตามคุณภาพของลิงก์เลย

สิ่งที่สำคัญคือ อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจจากราคาถูกสุดอย่างเดียวนะ ต้องดูคุณภาพของลิงก์ที่เขาจะให้ด้วย ว่ามาจากเว็บที่เกี่ยวข้องกับเราจริงไหม มีความน่าเชื่อถือแค่ไหน ลองขอข้อมูล หรือดูตัวอย่างงานเก่าๆ ของเขาก่อนก็ได้ จะได้ไม่เสียเงินฟรีๆ ลองดู บริการด้าน SEO ที่มีคุณภาพ เพื่อให้แน่ใจว่าเรากำลังลงทุนอย่างถูกทาง

การลงทุนระยะยาวเพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืน

การซื้อแบ็คลิงก์ก็เหมือนกับการปลูกต้นไม้แหละ ต้องใช้เวลาในการเติบโต การที่เราซื้อลิงก์คุณภาพดีๆ อย่างสม่ำเสมอ มันจะช่วยสร้างโปรไฟล์ลิงก์ที่แข็งแรงให้เว็บเราในระยะยาว ไม่ใช่แค่หวังผลเร็วๆ แล้วก็จบไป การลงทุนแบบนี้จะช่วยให้เว็บเรามีความน่าเชื่อถือในสายตาของ Google มากขึ้น และอันดับก็จะค่อยๆ ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

การสร้างแบ็คลิงก์คุณภาพไม่ใช่การซื้อครั้งเดียวแล้วจบ แต่เป็นการลงทุนต่อเนื่องเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับเว็บไซต์ในระยะยาว การเลือกผู้ให้บริการที่ไว้ใจได้และมีกลยุทธ์ที่ชัดเจน จะช่วยให้งบประมาณที่เราจ่ายไปเกิดประโยชน์สูงสุด

การวัดผลลัพธ์ของการซื้อ Backlinks

หลังจากที่เราทุ่มเทซื้อ Backlinks คุณภาพมาแล้ว สิ่งสำคัญถัดไปคือการมาดูกันว่ามันได้ผลจริงไหม หรือแค่เสียเงินไปเปล่าๆ การวัดผลนี่แหละที่จะบอกเราได้ว่ากลยุทธ์ที่เราทำไปมันเวิร์คหรือเปล่า

การติดตามอันดับคำหลักที่เกี่ยวข้อง

อันดับคำหลักนี่เป็นตัวชี้วัดที่เห็นผลชัดเจนที่สุดเลยนะ ลองนึกภาพว่าเราซื้อ Backlinks เพื่อดันคำว่า ‘ร้านกาแฟอร่อยใกล้ฉัน’ พอเราซื้อลิงก์ไปสักพัก แล้วลองไปเช็คอันดับใน Google ดู ถ้าอันดับมันขยับขึ้นมาดีๆ จากหน้า 5 มาอยู่หน้า 2 หรือหน้าแรกได้ นั่นแหละคือสัญญาณที่ดีมากๆ เลย

  • เลือกคำหลักที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเราจริงๆ
  • เช็คอันดับอย่างสม่ำเสมอ อาจจะสัปดาห์ละครั้ง
  • ดูว่าอันดับที่ขยับขึ้นมานั้นมาจากคำหลักที่เราเน้นจริงๆ หรือเปล่า

การวิเคราะห์ปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์

นอกจากการดูอันดับแล้ว เราต้องดูด้วยว่ามีคนคลิกเข้ามาที่เว็บเรามากขึ้นไหม เพราะบางทีอันดับดีขึ้น แต่อัตราการคลิก (CTR) ไม่ได้เพิ่มขึ้น ก็อาจจะมีปัญหาที่อย่างอื่นได้นะ ลองใช้ Google Analytics ดูเลย มันจะบอกเราได้ว่าช่วงที่เราซื้อ Backlinks ไป ปริมาณ Traffic เข้าเว็บเราเพิ่มขึ้นหรือเปล่า

  • ดูภาพรวม Traffic ที่เข้ามา
  • แยกดู Traffic ที่มาจาก Search Engine โดยเฉพาะ
  • เปรียบเทียบช่วงก่อนและหลังซื้อ Backlinks

การประเมินอัตราการแปลง (Conversion Rate)

สุดท้ายแล้ว การซื้อ Backlinks ก็เพื่อเป้าหมายทางธุรกิจใช่ไหมล่ะ? ไม่ว่าจะเป็นการขายของ การให้คนกรอกฟอร์ม หรืออะไรก็ตาม เราต้องดูว่า Traffic ที่เพิ่มขึ้นมาเนี่ย มันนำไปสู่การแปลงเป็นลูกค้าได้มากน้อยแค่ไหน ถ้า Traffic เพิ่ม แต่ไม่มีใครซื้อของเลย ก็อาจจะต้องกลับมาทบทวนกลยุทธ์การซื้อลิงก์ หรือแม้กระทั่งหน้า Landing Page ของเราเอง

การวัดผลลัพธ์ต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้รู้ว่าเรามาถูกทางแล้วหรือยัง ถ้าไม่เวิร์คก็ต้องปรับแผนกันไป

การวัดผลลัพธ์ของการซื้อ Backlinks เป็นเรื่องสำคัญมากนะ ลองคิดดูว่าเราลงทุนไปแล้ว จะรู้ได้ไงว่ามันคุ้มค่าไหม เราต้องคอยดูว่าเว็บเราติดอันดับดีขึ้นหรือเปล่า มีคนเข้าเว็บเรามากขึ้นไหม ถ้าอยากรู้ว่าต้องวัดผลยังไง หรืออยากได้เครื่องมือดีๆ ที่จะช่วยให้การทำ SEO ของเราง่ายขึ้น ลองเข้ามาดูที่ Uneed Digital สิ เรามีเครื่องมือเจ๋งๆ เพียบเลย!

สรุปแล้ว การซื้อ Backlinks คุณภาพ มันคุ้มค่านะ!

เอาล่ะครับ มาถึงช่วงสุดท้ายกันแล้วนะ หวังว่าข้อมูลทั้งหมดที่เล่ามาจะช่วยให้เพื่อนๆ เข้าใจเรื่องการซื้อ Backlinks คุณภาพมากขึ้นนะ การลงทุนใน Backlinks ที่ดีมันไม่ใช่แค่การซื้อๆ ไปให้มันเยอะๆ แต่มันคือการเลือกเฟ้นหาแหล่งที่น่าเชื่อถือจริงๆ ที่จะช่วยดันเว็บไซต์ของเราให้ไปได้ไกลกว่าเดิม จำไว้ว่าคุณภาพสำคัญกว่าปริมาณเสมอ ถ้าเราเลือกผิด ชีวิตอาจจะยากขึ้นนะ แต่ถ้าเลือกถูก เว็บไซต์ของเราก็จะแข็งแรงขึ้นแบบเห็นได้ชัดเลย ลองเอาไปปรับใช้กันดูนะ แล้วมาดูกันว่าอันดับ SEO ของเราจะพุ่งไปถึงไหน!

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการซื้อ Backlinks

ซื้อ Backlinks คืออะไร และทำไมถึงต้องซื้อ?

การซื้อ Backlinks ก็เหมือนกับการที่เราไปขอให้เว็บไซต์อื่นช่วยแนะนำเว็บไซต์ของเราให้คนอื่นรู้จัก ยิ่งมีคนแนะนำมากเท่าไหร่ หรือคนที่แนะนำน่าเชื่อถือมากเท่าไหร่ คนก็จะยิ่งเข้ามาดูเว็บไซต์เรามากขึ้นเท่านั้น ซึ่งการซื้อ Backlinks ที่ดีก็เหมือนกับการได้คำแนะนำดีๆ จากคนที่น่าเชื่อถือ ทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์เรามีคุณภาพและน่าสนใจ เลยช่วยดันให้เว็บไซต์เราติดอันดับต้นๆ เวลาคนค้นหา

Backlinks คุณภาพ กับ Backlinks คุณภาพต่ำ ต่างกันอย่างไร?

Backlinks คุณภาพก็เหมือนเพื่อนที่ฉลาดและน่าเชื่อถือ มาจากเว็บไซต์ที่คนเข้าเยอะๆ เนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องที่เราทำอยู่แล้ว Google เลยชอบ ส่วน Backlinks คุณภาพต่ำก็เหมือนเพื่อนที่ชอบมาป่วนๆ มาจากเว็บไซต์ที่ไม่มีใครเข้า หรือเนื้อหาไม่เกี่ยวกันเลย Google ก็จะไม่ชอบ อาจจะทำให้เว็บไซต์เราแย่ลงด้วยซ้ำ

เราจะหาซื้อ Backlinks ที่มีคุณภาพได้จากที่ไหนบ้าง?

เราสามารถหาซื้อ Backlinks ได้จากหลายที่เลยนะ เช่น แพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีคนมาเปิดร้านขาย Backlinks โดยตรง หรือจะจ้างบริษัทที่ทำ SEO เขาจะช่วยหาให้ก็ได้ หรือบางทีก็ต้องลองหาจากเว็บไซต์ที่เนื้อหาคล้ายๆ กับเรา แล้วลองติดต่อไปขอซื้อลิงก์ตรงๆ เลย

มีวิธีดูยังไงว่า Backlinks ที่เราซื้อมามันดีจริง?

ต้องดูหลายๆ อย่างเลย เช่น เว็บไซต์ที่ให้ลิงก์เราเนี่ย มีคนเข้าเยอะไหม เนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องที่เราทำหรือเปล่า ชื่อเสียงของเว็บนั้นดีแค่ไหน มีเครื่องมือบางอย่างที่ช่วยดูเรื่องพวกนี้ได้ด้วยนะ ถ้าเว็บนั้นดูไม่น่าไว้ใจ ก็อาจจะไม่ใช่ Backlinks ที่ดี

ซื้อ Backlinks เยอะๆ ทีเดียวเลยจะดีไหม?

ไม่ควรทำอย่างนั้นเลยนะ! การซื้อ Backlinks เยอะๆ เร็วๆ เกินไปเหมือนเราไปปั่นคะแนน Google อาจจะมองว่าเราไม่จริงใจ แล้วอาจจะโดนลงโทษได้ ควรจะค่อยๆ ซื้อทีละน้อยๆ ให้ดูเป็นธรรมชาติ เหมือนคนเข้ามาแนะนำเราเรื่อยๆ มากกว่า

ถ้าเจอเว็บไซต์ที่ให้ Backlinks ไม่ดี ควรทำอย่างไร?

ถ้าเรารู้สึกว่าลิงก์ที่ได้มามันมาจากเว็บที่ไม่ค่อยดี มีแต่โฆษณาเยอะๆ หรือเนื้อหาไม่เกี่ยวกันเลย เราสามารถแจ้ง Google ให้ลบลิงก์พวกนั้นออกไปได้นะ จะได้ไม่ส่งผลเสียต่อเว็บไซต์ของเรา

นอกจากซื้อ Backlinks แล้ว มีวิธีอื่นที่ช่วยเพิ่มอันดับ SEO ได้อีกไหม?

มีแน่นอน! การสร้างเนื้อหาดีๆ ที่คนอยากอ่าน อยากแชร์ ก็สำคัญมากเลยนะ หรือจะลองไปคุยกับคนอื่นในโลกออนไลน์ หรือโพสต์อะไรดีๆ ในโซเชียลมีเดีย ก็อาจจะมีคนเข้ามาดูเว็บไซต์เรามากขึ้นเองโดยธรรมชาติ

ต้องใช้เงินเท่าไหร่ถึงจะซื้อ Backlinks คุณภาพได้?

เรื่องงบประมาณนี่แล้วแต่เราเลยนะ ถ้าอยากได้ลิงก์จากเว็บดังๆ คนเข้าเยอะๆ ก็อาจจะต้องจ่ายแพงหน่อย แต่ถ้าเราค่อยๆ ซื้อทีละนิด หรือหาจากเว็บที่ยังไม่ดังมาก แต่เนื้อหาดี ก็อาจจะประหยัดงบได้เยอะ ลองเปรียบเทียบราคาจากหลายๆ ที่ดูก่อนตัดสินใจนะ

ลดทุกคำสั่งซื้อครั้งแรก

สามารถใช้ได้กับบริการที่มีราคา 1000 บาท

%10
ลด 10%กับการสั่งซื้อครั้งแรก
Code: UNEED25
1 ก.พ 68 - 15 ธ.ค 68

By subscribing you agree with our Terms & Conditions and Privacy Policy.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า
error: Content is protected !!
Shopping Cart (0)

No products in the cart. No products in the cart.


Shop by Category See All